"คุณตาวัย73" หาผักบุ้งกลางนา เลี้ยงดูหลานสาว 2 ชีวิต หลังลูกนำมาทิ้งไว้ ไม่เหลียวแล
20 มิ.ย. 2562, 12:36
เมื่อวานเวลา 16.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นางชลธิชา นพชำนาญ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 2 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพรได้แจ้งผู้สื่อข่าวว่ามีคุณตาวัย 73 ปี ชื่อคุณตาสิทธิ์ วิสาโรจน์ มีชีวิตน่าสงสาร ต้องแบกภาระเลี้ยงหลาน 2 คน โดยออกเก็บผักบุ้งตามนาของชาวบ้าน มาขาย และใช้เงินจากผู้สูงอายุ เพื่อใช้จ่ายและส่งให้กับหลานทั้งสองได้เรียน ทั้งที่ตัวตาสิทธิ์ เองมีสุขภาพไม่แข็งแรงมากนัก จึงเดินไปตรวจสอบ
พบคุณตาสิทธิ์ วิสาโรจน์ กำลังง้วนจัดข้าวของอยู่ในบ้านไม่มีเลขที่ ซึ่งมีที่สภาพเป็นห้องเล็กๆ ที่ทางญาติของคุณตา ได้ใช้คอกหมูร้าง ดัดแปลงเป็นที่จอดรถและแบ่งสัดส่วนหนึ่งกั้นเป็นห้อง ขนาด 2.50 x 2.50 เมตร เพื่อให้คุณตาสิทธิ์ได้อาศัยอยู่กับหลานสาว 2 คน โดยภายในห้องนอน มีเตียงนอน 1 เตียง วางแทบเต็มห้องส่วนรอบๆห้องก็รกรุงรังไปด้วยเสื้อผ้าข้าวของและอุปกรณ์การเรียนการสอนของหลานสาวทั้งสอง
ส่วนอีกห้องกันแบบง่ายๆด้วยเศษไม้ทำเป็นห้องครัวและเก็บของ ส่วนห้องน้ำซึ่งอยู่ติดที่ของชาวบ้าน มีสภาพน่าอดสูอย่างมาก เพราะไม่มีหลังคา และประตูห้องน้ำก็เก็บของเก่ามาเวลาจะเข้าก็จะยกมาปิด และใช้ถุงปุ๋ยผ่าครึ่งมาช่วยปิดในส่วนที่ประตูปิดไม่หมด
โดยนางชลธิชา เปิดเผยว่า ตนเองซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับคุณตาสิทธิ์ จึงได้เห็นความเป็นอยู่ของคุณตาตลอด ตั้งแต่ลูกสาวแก หอบลูกสาวสองคน มาทิ้งไว้กับแก ตั้งแต่คนโตไม่ถึง 4 ขวบและคนเล็กไม่ถึง 2 ขวบทำให้แกต้องแบกภาระเลี้ยงดูเพียงลำพัง ส่วนลูกของแก ซึ่งมีทั้งลูกชายและลูกสาว ก็หายไปโดยกลับมาดูแลแกเลย แกต้องอุ้มคนจูงคนออกไปเก็บผักบุ้ง มามัดเป็นกำส่งขายเหมือนแลกกับข้าว ที่รถมาขายกับข้าวเพื่อนำมาทำอาหารให้หลานทั้งสองได้กิน
นางชลธิชา กล่าวว่า ชีวิตสามคนตาหลาน มีความเป็นอยู่ที่ลำบากสิ่งไหนที่พอจะช่วยได้ตนเองก็จะช่วย บางครั้งก็ช่วยซื้อผักที่ตาสิทธิ์ปลูกขายบ้าง บางครั้งก็เอาไข่ไก่ไปให้เด็กๆได้ทอดกิน ช่วยอะไรได้ก็จะช่วย เพราะเห็นเด็ก 2 คนมาตั้งแต่เล็กๆสงสาร อยากให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เด็ก 2 คนโตขึ้นทุกๆวัน ห้องน้ำก็ไม่มิดชิดเด็กผู้หญิงอันตราย ช่วงน้ำท่วมก็ลำบาก ห้องน้ำก็ต้องเดินไปใช้ห้องน้ำของศาลาหมู่บ้าน หากมีหน่วยงานที่เข้ามาช่วยดีแล ทั้งในเรื่องคุณภาพชีวิตและการเรียนการศึกษา ก็คงเป็นบุญของเด็กๆ เพราะหลานสาวของตาสิทธิ์คนโตสอบเค้าโรงเรียนประจำจังหวัดติดค่าเรียนค่าใช้จ่ายคงเยอะขึ้น เด็กเป็นคนขยันและเรียนเก่ง จึงอยากให้มีคนสนับสนุนเพื่อจะได้เรียนสูงๆจะได้มีอนาคตที่ดี
ในขณะที่คุณตาสิทธิ์ วิสาโรจน์ กล่าวว่า ตนและหลานอีก 2 คน คือ ด.ญ. ภัทรภร เกตุคลองเขิน อายุ 13 ปี และ ด.ญ. ภัทรพิมล เกตุคลองเขิน อายุ 9 ขวบ ได้อาศัยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ใช้ทะเบียนบ้านเลขที่ 25/1 หมู่ 2 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร เพราะตนเองไม่บ้านเป็นของตนเอง พี่น้องเป็นลูกของลูกสาวตนเองที่ได้เอามาให้เลี้ยงตั้งแต่คนโตอายุเพียง 6 ขวบและคนเล็กยังแบเบาะ ลูกสาวตนเองได้เลิกกับสามีไม่มีใครเลี้ยงลูก จึงเอามาทิ้งไว้กับตนเอง ตนเองคิดว่าขนาดหมายังรักลูกของมัน นี้คนแท้ๆยังทิ้งได้ลงคอ ตนเองจึงคิดว่ายังไงก็จะต้องเลี้ยงหลานคนนี้ให้รอดจนได้ ไม่ว่าจะต้องลำบากมากแค่ไหนก็จะไม่ยอมให้หลานต้องอดตายอย่างแน่นอน
คุณตาสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในอดีตตนทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง แต่ปัจจุบันอายุมากขึ้นทำงานหนักไม่ไหว จึงต้องออกหาเก็บผักบุ้งขาย เก็บขวดพลาสติกขาย ไปจนถึงรับจ้างเลี้ยงวัวให้กับเพื่อนบ้าน โดยเมื่อวัวออกลูก ตัวแรกเจ้าของวัวจะให้ตนทำให้ตนเองมีแรงที่จะสู้ชีวิตเพื่อหลาน โดยทุกวันในช่วงกลางวันตนจะออกไปเลี้ยงวัว เก็บขี้มูลมาตากแห้ง ขายกระสอบละ 40 บาท และช่วงเย็นเมื่อหลานกลับจากโรงเรียนก็จะพากันไปในนาเพื่อช่วยกันเก็บผักบุ้งมาขาย และเอามาผัดกิน ในช่วงกลางคืนก็จะพากันออกมาหาปลา แต่ปัจจุบันนี้สายตาไม่ดีไม่สามารถออกไปหาปลาได้ ก็ทำได้เพียงแต่ออกไปเก็บผักบุ้งขาย เพื่อเอาเงินที่ได้มีซื้อกับข้าวและให้เด็กๆไปโรงเรียน
"การใช้ชีวิตประจำวันที่เป็นอยู่ นอกจากเงินที่ได้จากเก็บผักบุ้งขายและเก็บขี้วัวขาย ก็จะมีเงินส่วนหนึ่งจากเบี้ยคนชรา เดือนละ 700 บาท ก็จะต้องเก็บไว้เพื่อเป็นค่าเทอม ค่ารถ และค่าขนมให้กับหลานสาวคนโต ที่เพิ่งจะเข้าเรียน ม.1 โรงเรียนสอาดเผดิมวิทยา ส่วนหลานสาวคนเล็กเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดวังไผ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน ในทุกๆวันคุณตาจะเดินไปรับไปส่งหลานคนเล็กที่โรงเรียนทุกวัน สิ่งที่คุณตากังวลคือตนเองมีอายุมากแล้ว ไม่รู้จะทิ้งหลานไม่เมื่อไหร่ด้วยสุขภาพที่ไม่แข็งแรง หลานอายุยังน้อย อยู่ในวัยกินวัยเรียน หากไม่มีตาคอยดูแล หลานสองคนจะอยู่อย่างไร" คุณตาสิทธิ์ กล่าวด้วยสายตาเศร้าสร้อย