วันที่ 20 มิ.ย. 62 ผู้สื่อข่าว ONBnews รายงานว่า นายณัฏฐ์พัชชกร พร้อมด้วยนางทักษ์ธนัชศรณ์ พานิชปฐม สองสามีวิศวกรรมโยธา ได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เยี่ยมชมสวนณัฐเกษตรอินทรีย์ ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งได้ยึดหลักการทำเกษตรอินทรีย์แบบพอเพียง โดยจากเดิมตนได้เรียนจบวิศวะโยธาและได้ทำงานประจำในกรุงเทพมหานครมานานกว่า 8 ปี ตนและภรรยาคิดว่าน่าจะถึงจุดอิ่มตัวจึงคิดที่จะหางานอื่นทำเสริมหลังจากงานประจำ  จึงเกิดความคิดว่าจะลองปลูกผักสวนครัวเพื่อนำผลผลิตมาที่ได้มาบริโภคลดค่าใช้จ่ายเนื่องจากพื้นฐานของครอบครัวเป็นชาวสวนชาวไร่อยู่แล้วจึงมีความชอบในด้านเป็นทุนเดิม 

 

ตนและภรรยาจึงได้กับมายังบ้านของพ่อแม่ที่ได้ทำเกษตรแบบดั้งเดิมอยู่แล้ว จึงได้กับมาคิดพัฒนาต่อยอด โดยแรกเริ่มได้เริ่มปลูกตามใจที่ตนเองชอบ ยังไม่ได้คิดจะปลูกเป็นอาชีพโดยเน้นปลูกกิน แต่เมื่อลองทำไปสักพักผลผลิตที่ได้รับมีปริมาณมากเหลือกินและบางส่วนก็เอาไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านส่วนที่เหลือก็เอาไปขายตามตลาดทั่วไปซึ่งทำอยู่ได้สักระยะก็มีคนแนะนำให้ไปติดต่อที่สำนักงานเกษตรเพื่อทำให้เป็นระบบและขึ้นทะเบียนเกษตรกรจึงได้ลองนำผลผลิตที่ได้รับไปขายที่ตลาดเกษตรศาลากลางจังหวัด และตลาดเอ้าเลทตอนเช้า จนกระทั่งมีลูกค้าที่ส่งออกผักออร์แกนิคมาเลือกซื้อสินค้าของตนและให้ความสนใจกับสินค้าเนื่องจากเป็นพืชผลปลอดสารพิษ จึงรับซื้อผักทั้งหมดไปตรวจจนเป็นที่มาของการทำเกษตรอย่างเป็นระบบขึ้นเพื่อส่งให้กับบริษัทของลูกค้ารายดังกล่าว

 

ต่อมาทางโรงพยาบาลได้มีโครงการอาหารปลอดภัยได้ติดต่อให้ส่งผักเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำอาหารให้กับผู้ป่วยแต่ผักดังกล่าวต้องใช้ปริมาณเยอะตนและภรรยาจึงได้รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนร้านค้าประชารัฐและศูนย์กระจายสินค้าเกษตรอินทรีย์แก่งเสี้ยนขึ้น โดยมีสมาชิก 53 ครอบครัวทั่วจังหวัดกาญจนบุรี โดยตนได้มีการวางแผนการเพาะปลูกเพื่อให้สมาชิกหมุนเวียนกันปลูกเพื่อให้สามารถส่งได้อย่างต่อเนื่องและเกษตรกรมีรายได้ทั่วถึงเสมอกัน จนปัจจุบันไร่ของตนมีพืชผักสวนครัวแทบทุกอย่างพร้อมที่จะส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง

 

นายณัฏฐ์พัชชกร กล่าวต่ออีกว่า ตอนแรกที่ทำก็มีชาวไร่ชาวสวนได้เข้ามาถามกับตนกับภรรยาว่าจบด้านวิศวะโยธาและมาทำไร่ทำสวนมันจะไม่เสียโอกาสและจะทำได้หรือไม่ ตอนแรกตนก็คิดว่าทุกอย่างมันน่าจะผสมผสานกันได้ เช่นตนได้ใช้ความรู้ด้านโยธามาทำการวางแผนแปลงผักที่ง่ายต่อการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว มีการจัดสรรอย่างเป็นระบบสามารถมีผลผลิตได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งได้นำแผงโซล่าเซลล์มาใช้ในการควบคุมระบบน้ำซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายเกินครึ่งจากเดิม ซึ่งในขณะนี้ตนและภรรยารวมทั้งคนในครอบครัวมีความสุขดีกับสิ่งที่ทำ   เราสามารถอยู่ได้แบบสบาย สมาชิกภายในกลุ่มและคนในชุมชนก็มีรายได้เสริมไม่ต้องกังวลเรื่องผลผลิตที่ไม่มีแหล่งจำหน่าย และในอนาคตพื้นที่ของตนจะเปิดให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับทุกๆคนเพื่อนำแนวทางไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไปอีกด้วย./