คุณยายเล่านาที "คนร้ายเอาไม้ตีหน้า" รถพุ่งลงข้างทาง ก่อนควงมีดสปาต้าชิงทรัพย์
21 มิ.ย. 2562, 13:20
วันที่ 21 มิ.ย. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news ได้ลงพื้นที่ที่บ้านหลังหนึ่ง ที่บ้านเลิงใต้ หมู่ 7 อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม พบกับนางปรวรรณ ศรีครซ้าย หรือ ยายสัม อายุ 59 ปี ซึ่งถูกคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 20-25 ปี ก่อเหตุชิงทรัพย์ โดยใช้ไม้ฟาดเข้าที่หน้า ก่อนที่รถจะเสียหลักล้มลง โดยคนร้ายใช้มีดสปาต้าที่เตรียมมา ตัดชุดผ้ากันเปื้อน ที่ใช้เก็บเงินและโทรศัพท์มือถือ หลบหนีไปได้ โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา
นางปรวรรณ ศรีครซ้าย หรือ ยายสัม เล่าว่า วันเกิดเหตุ ตนเองพร้อมด้วยเพื่อนบ้านได้พากันไปขายผักที่ตลาดนัดในตัวอำเภอโกสุมพิสัย ขากลับ เพื่อนของตนชื่อนางบังอร ขี่รถจักรยาน ตนเองขี่รถจักรยานยนต์พ่วงด้วยรถเข็น ขี่คู่กันไปโดยขับช้า ๆ ไปเป็นเพื่อนกัน ทิ้งระยะห่างไม่เกิน 5-10 เมตร เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าหมู่บ้านโนนขอนทอย ต.เลิงใต้ ซึ่งห่างจากหมู่บ้านของตนประมาณ 4 กิโลเมตร คนร้ายได้ขี่รถขึ้นมาประกบ ก่อนใช้ไม้ฟาดเข้าที่ใบหน้าฝั่งขวา ทำให้รถเสียหลัก ตกลงไปข้างทาง ก่อนที่คนร้ายจะตามลงมาใช้มีดสปาต้าที่เตรียมมา ตัดชุดผ้ากันเปื้อนที่ตนเองใส่ไปขายของ ซึ่งภายในมีเงินอยู่ประมาณพันกว่าบาท และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ตอนนั้นกลัวมากไม่กล้าส่งเสียงร้อง เพราะคนร้ายมีมีด กลัวถูกฆ่า ได้แต่บอกคนร้ายว่า อย่าทำแม่ อยากได้อะไรก็เอาไปให้หมด แม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าแค่นั้น จากนั้นคนร้ายก็ได้ขี่รถออกไป คาดว่าคนร้ายจะดูลาดเลามานานแล้ว ก่อนจะลงมือก่อเหตุ ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง ทำให้รู้สึกกลัว ไม่กล้าที่จะเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้เร็ว ๆ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ชิงทรัพย์ในลักษณะเดียวกัน แต่เกิดขึ้นกลางวันแสก ๆ หากจับคนร้ายได้ ชาวบ้านก็จะได้สบายใจ ไม่กังวลในการใช้เส้นทางสัญจร และอยากให้ติดคุกนาน ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องออกมาก่อเหตุซ้ำอีก
ด้าน พ.ต.อ.ภูมี อีคะละ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโกสุมพิสัย กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแบ่งกำลังทำงาน ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว เพื่อแกะรอยคนร้าย แต่น่าเสียดายที่ผู้เสียหายไม่สามารถจดจำใบหน้าของคนร้ายได้ ทำให้ไม่สามารถสเก็ตต์ภาพคนร้ายได้ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยจะเร่งตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ และติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด ในระหว่างนี้อยากให้พี่น้องประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ระมัดระวัง สอดส่องดูแลซึ่งกันและกัน ไม่เดินทางคนเดียวในเวลากลางคืน เพื่อความปลอดภัย และจะได้เพิ่มวงรอบของการออกตรวจพื้นที่ตามสภาพอาชญากรรม เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนและเป็นป้องปรามคนร้ายที่อาจจะออกมาก่อเหตุซ้ำอีก