วันนี้ ( 3 ม.ค.63 ) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์ภัยแล้ง โดยมีจังหวัดที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 จํานวน 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน นครพนม มหาสารคาม บึงกาฬ หนองคาย บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา เพชรบูรณ์ อุทัยธานี และนครราชสีมา 68 อำเภอ 417 ตำบล 3,770 หมู่บ้าน/ชุมชน

ปภ.มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มภารกิจหลัก ประกอบด้วย กลุ่มพยากรณ์ กลุ่มบริหารจัดการน้ำ และกลุ่มปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงโดยเฉพาะน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ในส่วนของการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรให้สนับสนุนมาตรการควบคุมการใช้น้ำในพื้นที่ โดยขอความร่วมมือไม่ให้เกษตรกรทําการปิดก้ันลําน้ำ หรือสูบน้ำเข้าพื้นที่การเพาะปลูก ตามแผนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นอกจากนี้ยังเฝ้าระวังและควบคุมไม่ให้มีการปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ คู คลอง หรือแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อลดปริมาณ การใช้น้ำดีไล่น้ำเสีย และให้มอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบเส้นทางคมนาคมที่มีแนวติดคลองลําน้ำ หรือแม่น้ำต่างๆ ในการสํารวจ และกําหนดมาตรการรองรับกรณีการพังทลายของตลิ่ง และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้ประชาชนภาคส่วนต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการประหยัดน้ำ และทราบถึงมาตรการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ

กรมชลประทานรายงานปริมาณน้ำ ณ วันที่ 3 ม.ค. 63 ปริมาตรน้ำในอ่างฯ 44,024 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 62 ปริมาตรน้ำใช้การได้ 20,574 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 43 ปริมาตรน้ำในอ่างฯ เทียบกับปี 2562 อยู่ที่ 54,077 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 76 น้อยกว่าปี 2562 จํานวน 10,053 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ จํานวน 27.77 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย จํานวน 64.38 ล้าน ลบ.ม. น้ำระบายมากกว่านํ้าไหลลงอ่าง 36.61 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 26,902 ล้าน ลบ.ม.