วันที่ 9 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ร.ต.อ.กฤษณะ สระบัว รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดเหตุคนทำร้ายร่างกายกันเสียชีวิตที่บริเวณป่าละเมาะหลังห้องพักเลขที่ 303/33 หมู่ 1  บ้านท่าขนุน  บริเวณหลังอำเภอทองผาภูมิ  ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

จากนั้น จึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อซ.จิรายุส วานิชกุล ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ วิเศษสิงห์ รอง ผกก.ป.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.นิพนธ์ เลิศพลรัตน์ รอง ผกก.สส. สภ.ทองผาภูมิ แพทย์เวร รพ.ทองผาภูมิ และมูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี 

 

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร่างนายสุทิวัส พลับพลาทอง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 หมู่ 4 ต.สหกรณ์นิคม  อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่กับพื้น สภาพศพมีบาดแผลฉีกขาดที่บริเวณศีรษะด้านหลังฝั่งซ้าย เลือดไหลนองเต็มพื้น ใกล้ศพพบท่อนเหล็กเปื้อนเลือดยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ตกอยู่อยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน 

 

ส่วนคนร้ายคือนายวันชัย กันติชากุล อายุ 24 ปีอยู่บ้านเลขที่ 24/2 หมู่ 1 ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ  จ.กาญจนบุรี หลังก่อเหตุไม่ได้หลบหนีไปไหน โดยมีนางสาวอนันดา ถาวรพยัคฆ์ ภรรยาของนายวันชัย ผู้ต้องหาอยู่ด้วยจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ขณะที่นางสาวอนันดา ถาวรพยัคฆ์ อยู่ห้องพักที่เกิดเหตุ ต่อมานายสุทิวัส  ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเพื่อนที่คบหากันมานานได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาหาที่ห้องพัก ระหว่างนั้นนายวันชัย ผู้ต้องหา  ได้กลับมาที่ห้องพัก เมื่อมาถึงพบภรรยาอยู่ภายในห้องกับนายสุทิวัส จึงเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง

 

ระหว่างที่นายสุทิวัส กำลังเดินหนีออกไปทางหลังห้องพัก ด้วยความโมโห นายวันชัย จึงใช้ท่อนเหล็กของกลางกระหน่ำตีไปที่ศรีษะอย่างแรง เป็นเหตุทำให้นายสุทิวัส ล้มหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังเกิดเหตุ น.ส.อนันดา ภรรยาของผู้ต้องหา ได้โทรศัพท์ไปบอกเพื่อนเพื่อให้แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยที่นายวันชัย ไม่ได้หลบหนีไปไหน

 

จากการชันสูตรในเบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตถูกตีจนกะโหลกร้าว และมีบาดแผลฉกรรจ์ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต  แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้นำศพของผู้เสียชีวิตส่งไปผ่าพิสูจน์ หาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่งที่สถาบันนิติเวชศูนย์  รพ.ราชบุรี พร้อมกับคุมตัวนายวันชัย ผู้ต้องหาไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากความหึงหวง