วันที่ 10 มกราคม 2563 พ.ต.ท.ประภาท ตู้ภูมิ พนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ว่า พบกะโหลกมนุษย์ ที่ตลิ่งแม่น้ำป่าสัก ที่หมู่ 1 ต.บ้างแก้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี จึงได้ไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยชุดสืบสวน  แพทย์เวร รพ.สระบุรี  กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างจุดเฉลิมพระเกียรติ
พบ ชาวบ้านกำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ที่จุดชมวิวแม่น้ำป่าสัก  ทราบจากชาวบ้านว่าพบหัวกะโหลกมนุษย์อยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกับจุดชมวิว  ส่วนขณะนี้แม่น้ำป่าสักกำลังแห้งลงทุกวัน จนเหลือแค่ครึ่งขา บางที่ก็เหลือแค่ 1-2 เมตร ตามปกติแล้วแม่น้ำป่าสักจะลึกประมาณ 4-5 เมตร แต่ตอนนี้น้ำได้ลดลงเห็นได้ชัด เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนต้องเดินข้ามแม่น้ำป่าสัก ช่วงที่ตื้นที่สุด ส่วนร้อยเวรเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างได้พานั่งเรือไป  

 

ได้ทำการตรวจที่เกิดเหตุ  พบ หัวกะโหลกมนุษย์ 1 หัว  และกระดูก 1 ท่อน ไม่ทราบว่าเป็นแขนหรือช่วงขา และยังมีกางเกงขาสั้นสีดำตกอยู่ในบริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุ ตรวจในสถานที่เกิดเหตุเสร็จแล้ว จึงได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างได้เก็บหัวกะโหลกและชิ้นส่วนมนุษย์ พร้อมกางเกง ใส่ผ้าขาว กลับขึ้นมา โดยมีแพทย์และกองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบ แต่เนื่องจากตรวจสอบไมได้ ไม่รู้ว่าเป็นหัวกะโหลกมนุษย์เพศหญิงหรือเพศชาย และตายมานานเท่าไหร่ยังไม่ทราบได้ แพทย์จึงลงความเห็นให้ส่งไปตรวจที่สถาบันนิติเวช ถึงจะรู้ว่าเป็นเพศชายหรือหญิง และตายมานานเท่าไหร่ต่อไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถาม  นายโชคชัย เป้าสาลี อายุ 35 ปี  เลขที่ 22/1 หมู่ 8  ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สระบุรี ผู้ที่พบเป็นคนแรก  เล่าให้ฟังว่า ตนเองและหลาน ได้ลงไปเดินเล่นในแม่น้ำป่าสักที่ตื้นแค่ครึ่งขา ได้เดินไปฝั่งตรงข้ามในบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเขตของ หมู่ 1 ต.บ้างแก้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี  ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านของตนเอง  ขณะเดินเล่นอยู่ได้พบหัวกะโหลกมนุษย์ นึกว่าเป็นลูกมะพร้าวจึงได้เอาไม้เขี่ยดู ก็ตกใจ เพราะเป็นกะโหลกมนุษย์ที่ยังมีฟันติดอยู่ด้วย ตนจึงได้เดินดูแถวๆบริเวณนั้นก็พบกระดูกมนุษย์อีกชิ้นหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นแขนหรือขา แต่ตนเองก็ไม่กล้าที่จะจับ จึงได้เดินกลับขึ้นมาและได้บอกกับเพื่อนบ้านที่ยืนอยู่ตรงจุดชมวิว และจึงได้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ