วันที่ 13 มกราคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวอรุณี สมบูรณ์รัตน์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ป่าชุมชนห้วยใหญ่แห่งนี้เป็นป่าพื้นสุดท้ายของอำเภอท่าแซะที่หลงเหลือจากพายุไต้ฝุ่นเกย์ ซึ่งก่อนหน้านี้พื้นที่บริเวณโดยรอบแห่งนี้เป็นป่าไม้ที่สมบูรณ์ทั้งหมด หลังจากเกิดพายุเกย์ทำให้ต้นไม้บริเวณโดยรอบโดยเฉพาะด้านหน้าโดนแรงของพายุทำให้ต้นไม้หักล้มเป็นจำนวนมาก ทำให้ป่าไม้ส่วนหนึ่งถูกทำลาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชนได้จับมือกับชาวบ้านจัดตั้งเป็นป่าชุมชน

โดยพื้นที่ป่าชุมชนห้วยใหญ่แห่งนี้มีพื้นที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 303 ไร่ สูงกว่าระดับน้ำทะเล 381 เมตร โดยในพื้นที่ป่าแห่งนี้ได้มีการทำพิกัดขอบเขตป่า พิกัดของต้นไม้เพื่อปักหมุดว่าต้นไม้ต้นนี้อยู่ตรงไหนหากมีใครมาลักลอบตัดต้นไม้ จะสามารถรู้ได้ ที่สำคัญคือป่าแห่งนี้ มีต้นตะเคียนทองที่มีอายุกว่า 300 ปีขนาดใหญ่ กว่าสิบคนโอบ ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ประกาศให้เป็นรุกขมรดกของแผ่นดิน เมื่อปี 2560

นางสาวอรุณี ยังเปิดเผยถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าแห่งนี้อีกว่า ในพื้นป่ากว่า 303 ไร่แห่งนี้มีความหลากหลายทางชีวภาพเป็นอย่างมาก มีความอุดมสมบูรณ์ของพันธุ์ไม้นานาพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไม้หายากที่เป็นไม้โบราณอย่างเช่น ต้นมะม่วงเลือด (เลือดควาย) ประโยชน์คือเนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนและสามารถนำมาใช้เป็นยารักษาผิวหนัง ต้นคอเหี้ย(คอแลนเขา) ประโยชน์เป็นอาหารที่นกและสัตว์ป่าชื่นชอบ ต้นหานช้างฮ้อง(สามแก้ว) เป็นพืชที่มีสารหรือส่วนที่ทำอันตราย แก่ร่างกายมนุษย์หรือสัตว์ โดยอาจทำให้เกิดการระคายเคือง ความเจ็บปวด หรือรุนแรงถึงชีวิต จากการสัมผัสหรือบริโภคเข้าไป กลุ่มนี้จะทำให้คนหรือสัตว์ที่ไปถูกสัมผัส เกิดอาการคัน ผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดงหรือบวม เป็นตุ่มพองหรือ เป็นแผล เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน ต้นมะหาด เป็นสมุนไพรที่ช่วยรักษาโรคต่างๆ ต้นกลอย ซึ่งจะใช้ในการนำเอาไปประกอบเป็นอาหาร โดยคนที่จะเอาไปประกอบอาหารนั้นจะต้องมีกระบวนการวิธีการทำ เพราะหากทำไม่ถูกวิธีเมื่อนำมารับประทานอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะได้

นอกเหนือจากพันธุ์ไม้นานาชนิดแล้ว ยังมีสัตว์ป่า อย่างเช่นหมีขอ หมูป่า ชะนี ค้าง นกนานาชนิด ที่สำคัญผืนป่าแห่งนี้ยังมีนกเงือก ที่เป็นตัวบงชี้ได้ว่า หากมีนกเงือกที่ไหนแสดงให้เห็นได้ว่าผืนป่าแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์

นายนพรัตน์ สัมฤทธิ์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 249 หมู่ 2 ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร อดีตเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าในอดีตที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่บริเวณนี้นั้น ชาวบ้านส่วนหนึ่งก็ยังฝ่าฝืนที่จะบุกรุกผืนป่าเป็นพื้นที่ทำกิน จนตนเองได้ทำความเข้าใจและจัดการพื้นที่ดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยหากใครฝ่าฝืนก็จะจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายทันที เมื่อมีการเอาจริงเอาจังของเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าที่จะบุกรุกป่า

หลังจากนั้นป่าไม้ อบต.หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำหมู่บ้าน และชาวบ้าน ได้ร่วมกันปรึกษาหารือ และทำข้อตกลงร่วมกันในการใช้ประโยชน์จากผืนป่าแห่งนี้ โดยให้ตัวแทนชาวบ้านเข้ามาเป็นคณะกรรมการป่าชุมชน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อกำหนดข้อตกลงในการใช้ประโยชน์ป่าชุมชน และปลูกจิตสำนึกให้ชาวบ้านรู้สึกหวงแหนป่าพื้นนี้เพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลานได้ดู ส่วนหนึ่งชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์จากพื้นป่าแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บหน่อไม้ขาย การเก็บลูกเหนียง และการเก็บลูกกลอยไปขาย ซึ่งชาวบ้านมีรายได้เสริมจากการใช้ประโยชน์จากผืนป่าแห่งนี้ปีละนับหมื่นบ้านเลยทีเดียว เมื่อชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์และมีรายได้จากผืนป่าแห่งนี้ ทำให้ชาวบ้านมีความรักในผืนป่าแห่งนี้และช่วยกันปกป้องดูแลไม่ให้ใครเข้ามาทำลายและบุกรุกผืนป่าแห่งนี้

นายนพรัตน์ กล่าวอีกว่า ระยะเวลาที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ และทำงานร่วมกับชาวบ้านในชุมชนห้วยใหญ่แห่งนี้ ทำให้ตนเองมีความรักความผูกพันกับผืนป่าแห่งนี้ เมื่อตนเองเกษียณอายุราชการแล้ว ตนเองก็ยังมาอยู่ในป่า ช่วยชาวบ้านในการดูแลปกป้องผืนป่า และยังอาสาเป็นในการพานักท่องเที่ยวเดินป่าศึกษาธรรมชาติอีกด้วย

เมื่อมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ ไม่แพ้ที่อื่นๆองค์การบริหารส่วนตำบลสองพี่น้อง ป่าไม้ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมบรรยากาศ บนเขาห้วยใหญ่แห่งนี้ โดยผู้ที่ได้ขึ้นมาบนเขาแห่งนี้ หากขึ้นมานอนค้างแนะนำให้ขึ้นมาถึงบนยอดเขาประมาณ 4 โมงเย็น เพราะจะได้ชมพระอาทิตย์ยอแสง เป็นแสงสุดท้ายของวัน นับได้ว่าเป็นภาพพระอาทิตย์ตกดินที่สามารถหยุดสายตาของผู้ที่ได้มาอย่างแน่นอน ในช่วงค่ำเราจะได้สัมผัสกับอากาศเย็นที่พัดผ่านเอาความเย็นมาพร้อมกับน้ำค้างบนยอดดอยมาสู่ผิวกายของคนที่ชอบสัมผัสความเย็น

นอกจากอากาศที่ดีแล้ว การที่ได้ขึ้นมานอนค้างคืนบนยอดเขา ไม่มีแสงไฟจากไฟฟ้าให้ได้ใช้ เรายังเห็นดวงดาวบนท้องฟ้า และพระจันทร์ลอยเด่นให้เราได้ชมแบบ 360 องศากันเลยที่เดียว ช่วงเช้าประมาณ ตี 5 จนถึงประมาณ 6 โมงเช้า ในระหว่างที่รอแสงยามเช้าจากพระอาทิตย์ที่จะขึ้นมาให้เราชมแสงแรกของวันใหม่ ที่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกมาจากมุมเขา ที่อยู่ด้านหน้าทางทิศตะวันออก เราจะได้เห็นทะเลหมอกที่ขาวโพลนไปสุดลูกหูลูกตา สลับกับยอดเขา โดยสามารถมองได้เป็นแนวยาวซ้ายขวา 180 องศา เลยทีเดียว

ในช่วงสายที่ทะเลหมอกเริ่มจางหาย พระอาทิตย์ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ ผืนป่าชุมชนแห่งนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สามารถให้เราเข้าไปสัมผัสความเย็นจากต้นไม้ สูดโอโซนในหุบเขาแห่งนี้ ศึกษาพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด และที่สำคัญเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้จะทำให้เราไปเจอต้นตะเคียนทอง ที่ได้ประกาศเป็นรุกขมรดกของแผ่นดิน โดยเส้นทางดังกล่าวมีระยะทางประมาณ 700 เมตร

หากใครที่อยากเข้ามาสัมผัสอากาศเย็นจากผืนป่าแห่งนี้ สามารถมาได้ทั้งปี เพราะผืนป่าแห่งนี้จะมีความเย็นจาก น้ำค้าง จากหมอกในช่วงเช้า และช่วงสายจนถึงเย็นจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ ความสวยงามจากพระอาทิตย์ตกแสงสุดท้ายของวัน และชมพระอาทิตย์ขึ้นแสงแรกของวันใหม่ ชมเดือนและดาวในช่วงกลางคืน สัมผัสอากาศเย็น ที่นี้มีครบให้กับผู้ที่ชื่นชอบในธรรมชาติได้มาสัมผัส เรียกได้ว่า ป่าชุมชนห้วยใหญ่แห่งนี้ไม่แพ้ทะเลหมอกที่อื่นๆแน่นอน

หากใครสนใจที่จะมาเที่ยว ป่าชุมชนห้วยใหญ่แห่งนี้ สามารถติดต่อมาได้ที่ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 นายนิรัตน์ ดำคำ เบอร์ติดต่อ 089-5884895 หรือปลัด อบต.สองพี่น้อง นางสาว อรุณี สมบูรณ์รัตน์ 087-2841189 มีเต้นท์ และรถโฟร์วีลบริการ เส้นทางการเดินทาง ระยะทางจากถนนเพชรเกษม กม.ที่ 429 ขาขึ้นกทม.เลี้ยวเข้าถนนสายทางหลวงชนบท ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ก็ถึงป่าชุมชนห้วยใหญ่ ซึ่งถนนมีทั้งลาดยาง และลูกรัง เป็นถนนผ่านในหมู่บ้าน รถเล็กสามารถเดินทางเข้ามาได้ในจุดพักรถที่ทางผู้ใหญ่บ้านกำหนดซึ่งสามารถติดต่อมาล่วงหน้าเพื่อเตรียมรถและที่พัก