เปิดใจ ! "แม่พระบ้านสุขใจ" รับดูแลน้องออมสิน ยันจะเลี้ยงดูให้เป็นคนดี และมีอนาคต
16 ม.ค. 2563, 08:43
จากกรณีน้องออมสินวัย 2 ขวบ ถูกพ่อและแม่ปฏิเสธที่จะเลี้ยงดู โดยแม่ของเด็กหญิงรายนี้ ถึงขั้นหอบน้องออมสินไปกดกริ่งที่หน้าสถานสงเคราะห์ จ.ลพบุรี พร้อมทิ้งจดหมายฝากเลี้ยงลูกไว้ จนนักสังคมสงเคราะห์ต้องพาน้องออมสินเดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก และต่อมามีนางชญาณ์พิมพ์ ชินปิติวงษ์ หรือแม่เพ็ญ ประธานมูลนิธิบ้านสุขใจ ในพื้นที่ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ เดินทางมาติดต่อทำเรื่องในการขอรับน้องออมสินไปอุปการะเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรมตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจสถานที่มูลนิธิบ้านสุขใจของนางชญาณ์พิมพ์ ชินปิติวงษ์ หรือแม่เพ็ญในพื้นที่ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ซึ่งพบว่า มีพื้นที่อาณาเขตกว่า 1 ไร่ และมีบ้านพักขนาด 2 ชั้นตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ปฏิบัติธรรม โดยทราบว่า มูลนิธิดังกล่าว เพิ่งมีการจดทะเบียนแบบถูกฎหมายมาได้เพียง 1 ปี แต่มีการอุปการะเลี้ยงดูเด็กพิการ และเด็กกำพร้าไว้ทั้งหมด 15 คน
จากการสอบถาม นางชญาณ์พิมพ์ ประธานมูลนิธิบ้านสุขใจ เปิดเผยว่า อดีตตนเคยเป็นเจ้าของกิจการร่วมกับสามี และมีบุตรด้วยกัน 2 คน แต่ภายหลังเกิดเลิกรากับสามี จนถึงขนาดธุรกิจล้มสลาย ต้องขายทรัพย์สินทุกอย่าง แล้วย้ายมาอยู่ที่ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ จนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งในระหว่างที่อยู่ที่นี่ ตนได้มีการรับอุปการะเลี้ยงดูเด็กพิการและเด็กกำพร้าเป็นลูกบุญธรรม ปีละ 1 คน โดยมีบุตรแท้ๆ ของตนคอยทำงานช่วยเหลือเลี้ยงดูแลเด็กเหล่านี้เหมือนน้องในไส้แท้ๆ ส่วนตนก็จะเลี้ยงดูแลแบบแม่ดูแลลูกแท้ๆ เช่นกัน เพราะมีความตั้งใจว่า การรับเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง ถือเป็นการให้โอกาสในการดำเนินชีวิต และเป็นการอบรบบ่มเพาะให้เด็กโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความรับผิดชอบ ทั้งต่อตนเองและต่อสังคม ซึ่งตนก็รับเลี้ยงดูเด็กพิการและเด็กกำพร้ามานานกว่า 20 ปี โดยส่งเสียเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมคนแรกได้เล่าเรียนจนจบ ม.6 และออกไปหางานทำแล้ว ส่วนบุตรบุญธรรมคนที่ 2 เป็นผู้พิการทางสายตา แต่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำระดับทีมชาติ ทำให้ตนรู้สึกภูมิใจอย่างมาก และพร้อมจะสนับสนุนบุตรบุญธรรมทุกคนอย่างเต็มที่
เมื่อถามถึงค่าใช้จ่ายที่นำมาเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมทั้ง 15 คนนั้น นางชญาณ์พิมพ์ ระบุว่า ส่วนใหญ่มีรายได้จากการบริจาคของผู้ใจบุญ แต่ตนก็ยังมีรายได้จากการทำสวนฟักข้าวส่งขายให้กับโรงงานด้วย ถึงแม้จะไม่มีรายได้มากมายนัก แต่บุตรบุญธรรมที่อยู่ที่นี่ทุกคนมีความสุข มีอาหารการกินสมบูรณ์ทุกวัน ซึ่งตนจะส่งเสียให้ทุกคนได้เรียนหนังสือ พร้อมกับอบรมสั่งสอนให้ปฏิบัติตนเป็นคนดี และชี้แนะแนวทางในการใช้ชีวิตควบคู่ไปด้วย
เราสามารถนำสิ่งที่เรามีอยู่ไปหล่อเลี้ยงเด็ก สร้างคนให้เป็นมนุษย์ด้วยศีล ซึ่งตนก็อยากจะให้โอกาสน้องออมสินแบบนั้นเหมือนกัน เพราะวันที่เห็นข่าวน้องออมสินครั้งแรก รู้สึกสงสารมาก เพราะน้องถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เราจึงอยากอยากช่วยเหลือ ในการให้ความรัก การดูแล เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ประกอบกับในวันนั้น เราได้เดินทางไปทำธุระที่ จ.ลพบุรี อยู่แล้ว จึงเดินทางไปทำเรื่องขอรับเลี้ยงดูน้องออมสิน ซึ่งหากในอนาคตได้รับการดูแลน้องออมสินจริง เราจะดูแลจนกว่าน้องจะสามารถดำเนินชีวิตได้ด้วยตนเอง และภายในสถานที่มูลนิธิแห่งนี้ ก็มีเด็กหญิงวัยเดียวกับน้องออมสิน เราเชื่อว่า น้องจะมีความสุขดีอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่เพจเฟซบุ๊กมูลนิธิบ้านสุขใจ ได้มีการนำภาพการสนทนากับบุคคลรายหนึ่ง นำมาโพสต์ไว้ โดยภายในภาพการสนทนานั้น มีข้อความระบุทำนอง ขอร้องอย่านำน้องออมสินมาเลี้ยง และขอให้น้องไปมีอนาคตที่ดีกว่านี้ ซึ่งทางเพจก็ได้มีการโพสต์ชี้แจง และมีบางช่วงบางตอนระบุว่า “การที่จะตัดสินว่าใครจะเลี้ยงเด็กให้มีอนาคตที่ดีได้ มันขึ้นอยู่กับอะไร มันขึ้นอยู่กับว่าต้องอยู่กับครอบครัวที่มีเงินมีทรัพย์สินจำนวนมาก ใช่หรือไม่” พร้อมกับมีการเชิญชวนมาเยี่ยมหาและพูดคุยกับเด็กที่อยู่ในสถานที่รับเลี้ยงแห่งนี้ได้ทุกวัน ซึ่งต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบตามร้านค้าต่างๆ ในเขตพื้นที่ อ.ตาก จ.นครสวรรค์ พบว่า หลายแห่งมีการตั้งกล่องรับบริจาคของมูลนิธิบ้านสุขใจเอาไว้ โดยแต่ละร้านระบุว่า กล่องดังกล่าว มีผู้มาขอตั้งไวนานกว่า 1 ปีแล้ว และจะมีคนของมูลนิธินี้ เดินทางมาเก็บเงินรับบริจาคทุกๆ 2 สัปดาห์