เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



กาญจนบุรีฝุ่นพิษ PM 2.5 พุ่ง คุณภาพอากาศสีแดง เหตุจากคนเผาป่า


21 ม.ค. 2563, 20:51



กาญจนบุรีฝุ่นพิษ PM 2.5 พุ่ง คุณภาพอากาศสีแดง เหตุจากคนเผาป่า




วันนี้ 21 ม.ค.63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พื้นที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งติดอันดับต้นๆ ของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือฝุ่นพิษ PM 2.5 พบว่า หมอกควันไฟสีขาวหม่นปกคลุมไปทั่วบริเวณ และหนาแน่นตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือค่า PM 2.5 ปกคลุมจนขาวโพลนไปทั่วทุกพื้นที่ของจังหวัด ซึ่งเกิดจากการเผาไร่อ้อย เผาวัชพืชตอซังข้าว และเผาป่าในหลายจุด โดยจุดที่มีการเผาส่วนใหญ่จะปรากฏให้เปลวไฟอย่างเห็นอย่างชัดเจนในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดหมอกควันไฟและฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานลอยสะสมอยู่ในพื้นที่มานานหลายสัปดาห์ และวิกฤตมากขึ้นเรื่อยๆ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย มีการลักลอบเผาอ้อย เพื่อเร่งตัดส่งเข้าโรงงานน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทั่วทั้งจังหวัดเกิดควันไฟและมลพิษปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง เกิดมลพิษและขี้เถ้าสีดำจากการเผาตกกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างหนัก และยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้างอีกด้วย

 

ขณะที่นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมาเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ด้วยการนั่งรถไฟสายธนบุรี น้ำตก เพื่อชมความงดงามของธรรมชาติตามเส้นทางรถไฟสายมรณะอันเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ก็ประสบปัญหาฝุ่นละอองพิษเช่นกัน โดยจะเห็นว่า มีขี้เถ้าสีดำที่เกิดจากการเผาลอยมาติดตามเสื้อผ้า และพบว่าตลอดสองข้างทางจะพบเห็นร่องรอยของการเผาอย่างชัดเจน อีกทั้งยังพบว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็กยังปกคลุมจนแทบมองไม่เห็นภูเขา และความสวยงามของธรรมชาติได้เต็มตา โดยนักท่องเที่ยวบางคนนั่งมาได้ระยะหนึ่งต้องหาผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกและปาก เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของตัวเอง

 

โดยนักท่องเที่ยวกล่าวในทำนองเดียวกันว่า พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีมีฝุ่นละอองขนาดเล็กเยอะมาก จะมองเห็นได้ชัดจากเขม่าสีดำที่ลอยมาติดเสื้อสีผ้าสีขาว พร้อมกับแนะนำให้หาผ้าหรือหน้ากากมาสวมใส่ไว้เพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือฝุ่นพิษ PM 2.5 เพราะเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากๆ

 

 

 

 



ด้าน นายเสนาะ อำนวย ชาวบ้านหนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากการเผาอ้อย กล่าวว่า ตนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก โดยพบว่าที่พักอาศัย รวมไปถึงห้องนอน จะเต็มไปด้วยเขม่าสีดำที่เกิดจากการเผาลอยมาตามลมตกอยู่ตามพื้นและข้าวของเต็มไปหมด ส่วนผ้าที่ซักตากไว้ก็ต้องนำมาซักใหม่ และยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เกิดอาการแพ้ คัน แสบตา แสบจมูก จึงอยากให้จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาในระยะยาว ไม่ใช่เพียงแค่ออกมาตรการห้ามเผาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่อยากให้สั่งห้ามเผาโดยเด็ดขาดทุกกรณี เพราะถ้ายังคงปล่อยให้มีการเผาเช่นนี้อยู่ต่อไป ระยะยาวก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในที่สุด

 

สำหรับในวันนี้ คุณภาพอากาศในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ก็ยังคงเกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม และบางแห่งขยับพุ่งสูงไปอยู่ระดับสีแดง โดย จ.กาญจนบุรี พบคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานติดต่อกันมานานตั้งแต่ปลายปี 2562 ที่ผ่านมา และสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยพบว่า สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ได้รายงานค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 110 - 195 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

 

 

 

 

 

 


ซึ่งพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี อยู่ที่ระดับสีแดง วัดค่าได้สูงสุด 195 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับสีแดง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยพุ่งขึ้นไปถึง 210 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีกระทบต่อสุขภาพ ส่วนในพื้นที่อำเภออื่นๆ ปรากฏว่า พบมี 7 อำเภอ อยู่ที่ระดับสีแดง และ 5 อำเภอ อยู่ในระดับสีส้ม โดยเกินค่ามาตรฐานทุกพื้นที่

 

ขณะเดียวกันได้มีประชาชนร้องเรียนแจ้งให้ทางอำเภอและจังหวัดกาญจนบุรีเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งใช้ช่องทางโซเชียลเรียกร้องให้ทางจังหวัดเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับแนะวิธีการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่ที่ผ่านมานอกจากจะไม่ได้รับการตอบสนอง และเพิกเฉยต่อปัญหาแล้ว ยังคงปรากฏว่ายังมีเกษตรกรผลัดเปลี่ยนกันเผาไร่อ้อยกันต่อเนื่องทุกวัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้จังหวัดกาญจนบุรี ได้ออกประกาศกำหนดพื้นที่และมาตรการควบคุมผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง แล้วก็ตาม ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการจับกุมหรือดำเนินการเอาผิดกับผู้กระทำผิดสักรายเดียว

 

 

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.