"ไทย-กัมพูชา" จัดงานงานเสริมสร้างความสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรมระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
30 ม.ค. 2563, 08:40
วันที่ 29 ม.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนมัธยมทับทิมสยาม 04 ในพระอุปถัมภ์ ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ นายเรืองยศ ลิ้มนุกูลเจริญ นายอำเภอสังขะ เป็นประธานเปิดโครงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชนในพื้นที่ชายแดน (ไทย – กัมพูชา) ในงานมีการแสดงแลกเปลี่ยนดนตรีนาฏศิลป์และแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์ร่วมไทย-กัมพูชา ร่วมกับนางสาวนะ กมล รองนายอำเภออัลลองเวง จ.อุดรมีชัย โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรมไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นการแสดงร่วมกันระหว่างคณะนักแสดงของ ร.ร.มัธยมทับทิมสยาม 04 ของไทยและคณะนักแสดงของกัมพูชา
ที่สำคัญเป็นการขยายการดำเนินงานความร่วมมือที่สืบเนื่องจากโครงการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านดนตรี นาฏศิลป์และภาษา ระหว่างประชาชนในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศที่ประสบความสำเร็จด้วยดีที่ผ่านมาให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่อำเภอสังขะประกอบด้วยนายกองตรีเรวัต เครือบุดดีมหาโชค ปลัดอำเภอสังขะ นายภาณุวัฒน์ แป้นจันทร์ ผอ.รร.มัธยมทับทิมสยาม 04 ร่วมต้อนรับคณะสานสัมพันธ์พี่น้องไทย – กัมพูชา ที่เดินทางมาจากประเทศกัมพูชาด้วยรสบัสและรถยนต์ส่วนตัวจำนวน 100 คน
โดยตลอดทั้งงานสร้างความตื่นเต้นและสนุกมากกับการแสดงและกิจกรรมที่จัดร่วมกับไทย - กัมพูชา เป็นกิจกรรมที่ทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้เชื่อมโยงกัน เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน มีความเหมือนกันมากในด้านวัฒนธรรมและวิถีชีวิต เป็นโอกาสที่ดีต่อเยาวชนทั้งสองสถาบันที่ได้มาแสดงร่วมกัน ผู้ชมก็สนุกและมีความสุขมากที่ได้เห็นคนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการใช้วัฒนธรรมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน กิจกรรมในครั้งนี้ทำให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนได้เรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน เคารพและยอมรับความเหมือนความต่างของกันและกัน
แต่คอนเซ็ปของงานก็เกือบสร้างความลำบากให้กับท่านประธานเสียแล้ว แต่งานนี้รับรองไม่เป็นปัญหาเพราะทางคณะจัดงานได้เตรียมล่ามภาษาที่สามารถสื่อสารได้ทั้งภาษาไทยและภาษากัมพูชา ขนาดท่านนายอำเภอกล่าวเปิดงานจบปุ๊บล่ามแปลภาษาก็ทำงานทันที งานนี้พี่น้องทั้ง 2 ประเทศได้รับรู้กิจกรรมผ่านทางผู้เชี่ยวชาญภาษาได้เลย มาถึงการเกมแข่งขันฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์ ยังใช้โฆษกสนามทั้ง 2 คน 2 ภาษาเพื่อให้พี่น้องฝั่งไทยและพี่น้องกัมพูชาได้ชมฟุตบอลและเสียงพากย์ทั้ง 2 ภาษาได้เข้าถึงอรรถรสแบบโรงหนังเหมือนกับเสียงในฟิล์ม งานนี้เป็นสีสันของงานได้เป็นอย่างดีเพราะไม่มีที่ไหนทำแบบนี้มาก่อน