ผกก.สกลนคร แจงปม “ดาว ขำมิน” ขับรถเร็ว 111 กม./ ชม. หลังถูกจับปะทะคารมกลางถนน
31 ม.ค. 2563, 08:34
กรณีโลกโซเชียล YouLike เสนอคลิปเด็ด V5 ดาวขำมิน ตลกหน้าตาย VS ตำรวจกาฬสินธุ์ #ทั้งนี้โปรดใช้วิจารณญาณ !ยังไม่ฟันธง-ข้อเท็จจริง! รวมทั้งสื่อมวลชนหลายแขนง ได้ลงข่าวดาว ขำมิน ปะทะตำรวจสกลนคร ขณะขับรถยี่ห้อฮุนได้ H1 สีดำ ทะเบียน 8 กฒ 1007 กทม. กลับจาก จ.นครพนม จะเดินทางกลับเข้ากรุงเทพ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหลากหลาย โดยส่วนใหญ่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นฝ่ายพูดจานิ่มนวล ไม่ใช้อารมณ์ ในขณะที่ตลกหน้าตาย ดาว ขำมิน พูดจาด้วยเสียงกระโชกโฮกฮาก และไม่ยอมฟังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พยายามอธิบาย ว่าที่ถูกเรียกเพราะอะไร เหตุเกิดที่สี่แยกบายพาส ถนนสกลนคร กาฬสินธุ์ บริเวณ กม.ที่ 3 เขตเทศบาลนครสกลนคร เมื่อตอนสายวันที่ 29 มกราคม โดยขณะเกิดเหตุได้มีสตรีผู้หนึ่งถ่ายคลิปแล้วส่งไปให้พรรคพวกช่วยลงในโลกโซเชียล ต่อมามีการสัมภาษณ์ ดาว ขำมิน ได้ให้สัมภาษณ์ ตามข่าวแล้วนั้น
ความคืบหน้าของเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ สอบถามไปยัง พ.ต.อ.กิตเตชิษฐ์ บำรุง ผกก.สภ.เมืองสกลนคร ซึ่งได้ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองสกลนคร ได้รับคำสั่งจาก ผู้บังคับบัญชา ให้ตั้งจุดตรวจที่แยกบายพาสกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นการกวดขันวินัยจราจรเพื่อลดและป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น ซึ่งการขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ( ไม่เกิน 90 กม./ ชม.) เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุและอาจทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตร่างกายและทรัพย์สิน ด้วยความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินและไม่อยากให้เกิดความสูญเสียของพี่น้องประชาชน จึงได้ตรวจจับความเร็วของรถ จากนั้นตามวันเวลาที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรขณะใช้กล้องตรวจจับความเร็วรถอยู่ ได้พบเห็นรถยนต์ยี่ห้อ HYUNDAI สีดำ ทะเบียน 8กฒ - 1007 กรุงเทพมหานคร มาด้วยความเร็ว 111 กม./ ชม. เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ผู้ทำการตรวจจับความเร็วรถคันดังกล่าว จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำจุดตรวจได้รับทราบ
เมื่อรถคันดังกล่าวมาถึงจุดตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจึงได้ส่งสัญญาณให้ผู้ขับรถคันดังกล่าวชลอความเร็วรถลง และได้ให้ขับรถไปชิดขอบทางด้านซ้ายของถนน และขอตรวจสอบดูใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และแจ้งให้ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวได้ทราบว่า ขับขี่รถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่ผู้ขับรถคันดังกล่าวไม่ยินยอมส่งมอบใบอนุญาตขับขี่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้ขับรถเร็ว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งให้ผู้ขับทราบว่ามีหลักฐานจากกล้องตรวจจับความเร็ว และได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจึงได้ดำเนินการออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวในข้อหา ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด , ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่เมื่อเจ้าพนักงานเรียกตรวจ (ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน) ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวก็ได้รับใบสั่งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและไม่ได้มีการเปรียบเทียบปรับแต่อย่างใด