"มท.2" เปิดงานแสดงสินค้า พร้อมปลุกคนรุ่นใหม่ รุกค้าชายแดนใต้ จับมือ มาเลเซีย จัดงาน Date in South ที่ จ.นราธิวาส
31 ม.ค. 2563, 16:35
วันนี้ (31ม.ค.63) เวลา 09.30 น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธานเปิดงานแสดงสินค้า Digital Business and Trade Exhibition in South Thailand (DATE IN SOUTH) โดยมี ดาโต๊ะซรี ไซฟุดดีน นาซูดีออน บิลอีสมาอีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายใน และกิจการผู้บริโภคประเทศมาเลเซีย พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กงสุลใหญ่ประเทศมาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา ทูตพาณิชย์ประเทศมาเลเซีย พร้อมด้วย นายอำเภอสุไหงโกลก นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโกลก สมาคมนักธุรกิจมุสลิมจังหวัดนราธิวาส ผู้ประกอบการธุรกิจ จากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย และผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซีย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เข้าร่วมในพิธีเปิด ณ ลานอเนกประสงค์ สนามกีฬามหาราช อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
งานแสดงสินค้า Digital Business and Trade Exhibition in SouthThailand (DATE IN SOUTH) เป็นงานมหกรรมแสดงสินค้า และเจรจาจับคู่ธุรกิจชายแดนภาคใต้ ซึ่งจัดโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) บูรณาการร่วมกับภาคเอกชน โดยสมาคมนักธุรกิจมุสลิมนราธิวาส จัดแสดงสินค้านานาชาติจากผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซีย จัดแสดงสินค้ารวมกว่า 200 ร้านค้า ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ลานอเนกประสงค์ สนามกีฬามหาราช อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้แลกเปลี่ยนพัฒนาความรู้ สร้างเครือข่ายนักธุรกิจในพื้นที่ เพื่อต่อยอดนวัตกรรมใหม่ และขยายตลาดในการจำหน่ายสินค้าและบริการให้กว้างออกไป ซึ่งจังหวัดชายแดนภาคใต้มีพรมแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการค้าขาย ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางหรือฮับในการกระจายผลิตภัณฑ์ และบริการฮาลาลในระดับภูมิภาคและระดับอาเซียน ซึ่งการแสดงสินค้าครั้งนี้ จะเป็นการแสดงศักยภาพของภาคเอกชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นที่ยอมรับ จากผู้บริโภคในระดับนานาชาติต่อไป พร้อมกับการประชุมแผนงาน IMT-GT ในโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจสามฝ่ายคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย อันจะเป็นการสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นในระดับอนุภูมิภาค และจะสานความร่วมมือทางธุรกิจให้เข้มแข็งและยั่งยืน ตามแนวทางยุทธศาสตร์ ลีมอร์ ดา ซาร์ 5 จังหวัด 5 รัฐ 5 สาขาเศรษฐกิจ ตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งประกอบด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล และ 5 รัฐประกอบด้วย รัฐกลันตัน เปรัค เคดาห์ เปอร์ลิส และปีนัง
นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) กล่าวว่า งานแสดงสินค้า และเจรจาธุรกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้ ซึ่งมีการแสดงสินค้าจากผู้ประกอบการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ประกอบการจากมาเลเซียมิตรประเทศ อันจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เป็นอย่างดี และกิจกรรมสำคัญคือการประชุม IMT-GT หรือโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจสามฝ่าย ที่ประกอบด้วยอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ซึ่งผู้ประกอบการตอบรับเดินทางมาเข้าประชุมกว่า 80 ท่าน อันจะเป็นการสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นในระดับอนุภูมิภาค
นิพนธ์ฯ กล่าวต่อว่า ขอขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าภายในและกิจการผู้บริโภค ประเทศมาเลเซีย เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ได้บูรณาการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ และภาคเอกชน โดยสมาคมนักธุรกิจมุสลิมนราธิวาส ได้ดำเนินการจัดกิจกรรม ที่มีความสำคัญยิ่ง ในการจัดงานแสดงสินค้า และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะสามารถช่วยผู้ประกอบการ ได้เจรจาธุรกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี และช่วยขยายตลาดการค้าได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการสร้างโอกาสเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ การทำธุรกิจออนไลน์เพื่อขยายตลาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะเน้นในเรื่องของการค้าการขายแล้ว ยังเป็นการยกระดับ สร้างความเชื่อมั่นสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย เพราะถือว่าทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดกันเป็นอย่างยิ่ง เรามีการค้าชายแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย ในบรรดาการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ไทยและมาเลเซียจะมีการค้าตามแนวชายแดนมากที่สุด ซึ่งจะเห็นว่าทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดมายาวนานกว่า 60 ปี นอกจากนั้นเรายังมีความสัมพันธ์ ในเรื่องของศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ นอกจากนี้ยังมีความใกล้ชิดในเรื่องของ ความร่วมมือในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตามแนวชายแดนระหว่างประเทศ และสิ่งสำคัญในอนาคตอันใกล้นี้ ทางรัฐบาลจะอำนวยความสะดวกในเรื่องของการค้า โดยจะมีการลดเงื่อนไข เพื่อความสะดวกในเรื่องการค้า เพื่อที่จะยกระดับการค้าการขายชายแดน ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น