“ทนายษิทรา” เผยไม่หนักใจ กรณี ผบ.ตร. สั่งถอดเทปสัมภาษณ์ หลังร้องปมทุจริตไบโอเมทริกซ์
3 ก.พ. 2563, 16:10
กรณีที่ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ กมค. ตรวจสอบการให้สัมภาษณ์ของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ผ่านสื่อต่างๆ เช่น สิ่งพิมพ์ โทรทัศน์และออนไลน์ ฯลฯ ในประการที่อาจทำให้ ตร. เกิดความเสียหายว่าเป็นความผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร ขณะที่ ทนายษิทรา ออกมาระบุว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากการที่ตนเองยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องไบโอเมทริกซ์ และรถตรวจการไฟฟ้า ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) วงเงิน 2,100 ล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ ( 3 ก.พ.63 ) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ทนายษิทรา เปิดเผยภายหลังจากเดินทางมาที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีในคดีหวย 30 ล้าน ว่า กรณีดังกล่าวไม่ได้ทำให้ตนรู้สึกหนักใจแต่อย่างใด เพราะการให้สัมภาษณ์ของตนไม่ได้ไปใส่ร้ายใคร โดยเราให้สัมภาษณ์ไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งหากทาง ผบ.ตร. บริสุทธิ์ใจ ก็ไม่ต้องไปกลัวอะไร โดยตนทำหน้าที่ตรวจสอบในฐานะประชาชนธรรมดา ซึ่งหวังว่าจะได้คำตอบอย่างที่เราต้องการ แต่ก็ไม่ได้ ดังนั้นอยากให้ ผบ.ตร. เอาเวลาที่สั่งให้ ตร.มาตรวจสอบเรื่องที่ตนให้สัมภาษณ์หรือคำพูดอะไรต่างๆ ไปดูในเรื่องที่ตนร้องเรียนไปจะดีกว่าว่ามีการทุจริตในเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่าจะมาเอาผิดกับคนที่ยื่นร้องเรียนในเรื่องที่รัฐได้รับความเสียหาย
สำหรับโครงการดังกล่าวมีวงเงิน 2,100 ล้านบาท เท่าที่ตนตรวจสอบเบื้องต้น ส่วนต่างราคาเครื่องไบโอเมทริกซ์ อย่างเดียว ไม่รวมกับเครื่องสแกนอื่นๆ ที่ตนยังไม่มีข้อมูล โดยเครื่องไบโอเมทริกซ์ ตัวที่สแกนใบหน้าและลายนิ้วมือ และเครื่องอ่าน ซึ่งมีด้วยกัน 2 ชุด คือ ชุดแรก มีจำนวน 2 ตัว ชุดที่สอง มีจำนวน 3 ตัว พบว่ามีส่วนต่างของราคาอยู่ที่โครงการละ 300 ล้านบาท รวมทั้งสองโครงการเป็นเงินประมาณ 600 ล้านบาท
ทั้งนี้เรื่องร้องเรียนดังกล่าวตนทำในฐานะประชาชนผู้ที่มีข้อสงสัย ในเรื่องของการใช้งบประมาณของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้ร้องเรียนไปที่ 4 นายพล หากวันหนึ่งมีประชาชนลุกขึ้นมาร้องขอให้มีการตรวจสอบ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินคดีกับผู้ที่ร้องแบบนี้ทุกเรื่องหรือไม่ และหากเป็นเช่นนี้ใครจะกล้ามาตรวจสอบ เพราะตนคิดว่าน่าจะโปร่งใส ซึ่งหากไม่ได้ทำอะไรผิด ก็เพียงแค่ชี้แจงมากรณีที่ตนสงสัย หรือเอาเวลาไปชี้แจงกับ ป.ป.ช. หรือจะแถลงข่าวว่าเรื่องที่ตนพูดไม่มีจริงอย่างไร ซึ่งทุกวันนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้ออกมาพูดเลยว่าสิ่งที่ตนไปให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลเป็นเท็จ หรือเป็นการใส่ร้ายอย่างไร และกล่าวทิ้งท้ายว่า “ไม่ได้รู้สึกหนักใจ เพราะเราบริสุทธิ์ใจ เราไม่ได้ไปใส่ร้ายท่าน ผบ.ตร.” นายษิทรา กล่าว