"สทนช." ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก
4 ก.พ. 2563, 08:28
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการลุ่มน้ำ 3 พร้อมด้วย นายจรัล เทพอวยพร ผู้เชี่ยวชาญด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ณ อ่างเก็บน้ำประแสร์ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง และอ่างเก็บน้ำคลองประแกด อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี เพื่อการเชื่อมโยงโครงข่ายน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก และแนวทางการผันน้ำส่วนเกินไปช่วยเสริมความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่
ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการลุ่มน้ำ 3 สทนช. กล่าวว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปีนี้ในบริเวณพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ ซึ่งในปีนี้มีปริมาณฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยถึง 50% หรือประมาณ 700 มิลลิเมตร ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำประแสร์ซี่งเป็นจุดใหญ่ในการกระจายน้ำส่งต่อไปยังอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เพื่อช่วยภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และการผลิตน้ำประปา อาจมีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำในช่วงปลายเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2563
จึงได้มอบหมายให้ สทนช. กรมชลประทาน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สำนักงาน EEC) ร่วมพูดคุยกับชาวบ้านในเขตลุ่มน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี ในการแบ่งปันน้ำจากจังหวัดจันทบุรี ซึ่งกรมชลประทานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองประแกดเป็นแหล่งน้ำต้นทุน แล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2560 ปัจจุบันมีปริมาณน้ำเก็บกักอยู่ที่ 45.6 ล้านลูกบาศก์เมตร และจากการพิจารณาความต้องการใช้น้ำในพื้นจังหวัดจันทบุรี บริเวณลุ่มน้ำคลองวังโตนด พบว่า มีความต้องการใช้น้ำปีละ 21 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีปริมาณน้ำส่วนเกินที่จะสามารถผันไปช่วยลุ่มน้ำคลองประแสร์ เพื่อช่วยภาคการผลิตในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษและการผลิตน้ำประปาของจังหวัดชลบุรี จังหวัดฉะเชิงเทราด้วย
โดยที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการลุ่มน้ำสาขาคลองวังโตนด และได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะปันน้ำส่วนหนึ่งมาเติมให้อ่างเก็บน้ำประแสร์ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2563 โดยมีแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเร่งด่วน ตั้งแต่วันที่ 1-25 มีนาคม 2563 ทั้งนี้ การดำเนินการผันน้ำดังกล่าวจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำของคนลุ่มน้ำคลองวังโตนด และจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในความร่วมมือดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (4 กุมภาพันธ์ 2563) ณ ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี (หลังใหม่) อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี