เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์  2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านจังกะดาน  ต.ไพรบึง อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ  ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานกรรมการสงเคราะห์เด็กและเยาวชน จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายพิทักษ์  พันธมาศ  ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.ศรีสะเกษ นายชูเกียรติ ทาวุฒิ   พนักงานคุมประพฤติชำนาญการ  นางสาวสุพัตรา  อามาตย์ นักพัฒนาสังคมจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะเจ้าหน้าที่  ได้เดินทางไปที่บ้านของนางจันทร์  ซึ่งเป็นยายของเด็กชายเอ  (นามสมมติ) อายุ 14 ปี   ซึ่งเด็กคนนี้กระทำผิดและได้ถูกศาลเยาวชนปล่อยตัวตาม มาตรา132 และทางสถานพินิจต้องติดตามดูแลเด็กหลังปล่อยตัวออกมาแล้ว

นายพิทักษ์ พันธมาศ  ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.ศรีสะเกษ กล่าวต่อว่า  เด็กชายเอ ที่ได้นำไปฝากให้พระครูวาปีบุญญรักษ์  เจ้าอาวาสวัดจังกระดาน  เจ้าคณะตำบลไพรบึง  และพระสุริยัน ฐิตสุโข เลขานุการเจ้าคณะตำบลไพรบึงให้ช่วยดูแลให้บวชเรียนเพื่อเด็กจะได้ไม่กลับไปคบเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นแก๊งค์ค้ายา  เพราะเด็กคนนี้เสมือนไร้ผู้ปกครองดูแล  พ่อแม่เด็กไม่รับผิดชอบเอาแต่ดื่มเหล้าเมาทั้งวัน อยู่ที่อื่น  ปล่อยให้เด็กอยู่กับยายที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์   โดยพระสุริยัน ฐิตสุโข เลขานุการเจ้าคณะตำบลไพรบึงได้แจ้งให้ ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ไปตรวจสอบว่าเด็กหนีไปไหน  เมื่อคณะไปตามหาก็พบว่าเด็กอยู่บ้านกับยาย  แต่มีเด็กโตแถวบ้านวนเวียนมาเรียกเด็กไปเที่ยวกลางคืนโดยให้สูบบุหรี่  ซึ่งเด็กชาย เอ  ได้เล่าว่ามีเพื่อนถูกจับเพราะเสพยาบ้าแล้วสองคน

ทางด้าน ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานกรรมการสงเคราะห์ฯ กล่าวว่า  สภาพของเด็กยังมีวุฒิภาวะต่ำมาก  หากไม่มีพระครูที่วัดช่วยดูแล ถ้าปล่อยเด็กให้อยู่บ้านกับยายน่าเป็นห่วงว่า  เด็กอาจจะถูกจับกุมอีกครั้ง เพราะมีความเสี่ยงสูงมาก จึงอยากช่วยให้เด็กรอดพ้นจากภัยคุกคาม  ได้ขอให้เรียนหนังสือแม้จะสมัครเรียนจากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนก็ยังดี   ต้องขอขอบคุณ ผู้อำนวยการสถานพินิจฯศรีสะเกษ  ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ศรีสะเกษ ที่ให้เจ้าหน้าที่ร่วมลงพื้นที่ไปให้ความช่วยเหลือ  โดยในเบื้องต้นนางสาวสุพัตรา  อามาตย์ จากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้มอบเงิน  จำนวน  2,000 บาท ผ่านบัญชีธนาคารให้ป้าของเด็กที่เป็นคนทำกับข้าวให้ยายและหลานได้ทานทุกมื้อ   รวมทั้งได้ประสาน น.ส.รุจิพัชร  เหล็กเพชรพุฒิกร นักพัฒนาชุมชนเทศบาลตำบลไพรบึง   ผู้ใหญ่บ้าน  เทศบาลไพรบึง    และกรรมการสหวิชาชีพมาร่วมประชุมให้ความช่วยเหลือที่บ้านของเด็กอย่างครบวงจร   ชาวบ้านทุกคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างรับรู้ว่าต้องช่วยกันดูแลเด็กรายนี้  เห็นว่าหากทุกแห่งที่เด็กมีปัญหามีการร่วมแรงช่วยกันแบบนี้เด็กคงเป็นคนดีได้ในอนาคตและไม่เป็นภาระของสังคมและประเทศชาติอีกต่อไป