"แท็กซี่" เปิดใจ หลังหายจากเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ คิดว่าชีวิตจบสิ้นแล้วในวัย 50 ปี
6 ก.พ. 2563, 17:42
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 นายทองสุข (ขอสงวนนามสกุล) แท็กซี่ไทย ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ภายในประเทศ โดยต้องเข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร จนหายแล้ว ได้เปิดใจเล่าวินาทีที่ตนติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ว่า ก่อนจะป่วยเป็นโรคดังกล่าว ตนได้รับนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนขึ้นรถมา โดยไม่ทราบเลยว่า นักท่องเที่ยวคนนั้น ป่วยติดเชื้อดังกล่าว จากนั้นระหว่างดูแผนที่ในโทรศัพท์มือถือของนักท่องเที่ยว อยู่ๆ เขาก็จามใส่บริเวณใบหน้าของตน ตอนแรกก็ยังไม่ได้คิดอะไร ส่วนอยู่ด้วยกันบนรถนานแค่ไหนนั้นตนจำไม่ได้ ราวๆ ครึ่งชั่วโมง ค่ารถประมาณ 70 กว่าบาท หลังจากวันนั้นตนไม่ได้คิดอะไร แต่ก็รู้สึกผิดกับตัวเองที่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย
แต่หลังจากนั้น แค่ไม่กี่วันตนก็เริ่มมีอาการป่วย, ไอ และปวดเมื่อยร่างกาย อาบน้ำก็หนาวสั่น ต้องห่มผ้าสองผืน คิดว่ามีความผิดปกติแน่นอน จึงมาพบแพทย์ที่ รพ. เพราะคิดว่าเป็นไข้หวัด ไม่ได้คิดถึงไวรัสโคโรนาฯ แต่ก็ถูกส่งตัวมายังสถาบันบำราศนราดูร โดยมีระบบการป้องกันโรคอย่างเต็มที่ เปิดไซเรนมาน้ำตาไหลตลอดทาง เพราะทำให้ตนคิดว่าหากป่วยแค่ไข้หวัดธรรมดาคงไม่ถึงขั้นต้องส่งต่ออย่างรัดกุมขนาดนี้ และตอนนี้ก็คิดว่าต้องติดไวรัสโคโรนาแน่ๆ ตอนแรกที่รู้เสียใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ตนทำงานประจำ แต่ก็ลาออกมาขับแท็กซี่ คิดว่าถ้ามาลาออกมาคงไม่ต้องมาตายแบบนี้ ชีวิตก็อยู่แค่นี้ ที่อายุ 50 ปี อย่างไรก็ตามทีมแพทย์ก็ดูแลรักษาจนตนหาย ซึ่งมีการให้ออกซิเจน และกินยาปกติ ประมาณ 3-4 เม็ด เช้า กลางวัน เย็น เท่านั้น และเฝ้าแต่ถามพยาบาลทุกวันว่าปลอดเชื้อหรือยัง ช่วงที่ได้รับแจ้งว่าผลตรวจ 1 ตัว เป็นลบแล้ว รออีก 1 ตัว หากเป็นลบก็จะให้กลับบ้านได้ ตนดีใจมาก
นายทองสุข กล่าวว่า “ผมติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนคนนั้น ก็ไม่ได้นึกโกรธนะ แต่เป็นห่วงเขามากกว่า ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะถ้าเขาสามารถแพร่เชื้อให้ผมได้ แสดงว่าอาการเขาน่าจะหนักกว่าผม ก็ได้แต่ขอให้เขาสามารถรักษาตัวจนหายดีได้เหมือนกับผม”
นายทองสุข กล่าวต่ออีกว่า "หลังรักษาตัวจนหายมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงซึ่งตนก็ได้ให้ความรู้กับเพื่อนแท็กซี่ไป เรื่องการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคทั้งของตัวเองและผู้โดยสาร ทุกครั้งที่ออกขับรถรับจ้าง"