เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 6 ก.พ. 63  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.สุจินดา   สายจันทร์  รองสารวัตรสอบสวน  สภ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุฆ่ากันตายที่บ้านพักคนงานของสวนป่าละเอาะ ต.น้ำเกลี้ยง จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและออกไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.อดิศักดิ์ จันทร์สอน ผกก.สภ.น้ำเกลี้ยง พ.ต.ท.สว่างวัฒน์ บุญเหลือง รอง ผกก.สอบสวน สภ.น้ำเกลี้ยง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า มีศพของชายคนหนึ่งทราบชื่อภายหลังว่าคือ นายสายชล ศรีวีระ อาชีพนักการภารโรงของ ร.ร.ชื่อดังแห่งหนึ่งของ อ.น้ำเกลี้ยง นอนเสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน สภาพศพโดนของมีคมทุบตีบริเวณศีรษะจนเละ ใกล้ที่เกิดเหตุพบจอบเปื้อนเลือดถูกวางทิ้งอยู่

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า คนร้ายรายนี้คือ นายทองสุข สุรสิงห์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 179 หมู่ 1 ต.น้ำเกลี้ยง อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ โดยก่อนเกิดเหตุ นายทองสุขได้ดื่มสุราจนเมาอย่างหนัก และได้เข้าไปก่อกวนภายในบริเวณที่คณะครู นักเรียนของ ร.ร.ชื่อดังที่กำลังเก็บข้าวของหลังจากที่เลิกจากการเข้าค่ายพักแรมแล้ว ซึ่งนายสายชลผู้ตายรู้จักกับนายทองสุข จึงได้นำตัวนายทองสุขกลับมาส่งที่บ้านพักที่เกิดเหตุ โดยห่างจากบริเวณที่นายทองสุขเข้าไปก่อกวน ประมาณ 100 เมตร หลังจากนั้น ประมาณ 10 นาที คณะครูได้ยินเสียงเหมือนกับใช้วัตถุทุบอะไรบางอย่าง เสียงดังประมาณ 4-5  ครั้ง ภายในบ้านพัก ต่อมา พบนายทองสุข เดินถือจอบเปื้อนเลือดเดินออกมา จึงได้แจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ดังนั้น ร.ต.อ.สุจินดา จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยและสามารถจับกุมนายทองสุขได้โดยละม่อม เนื่องจากว่าเมาหนักและเดินป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ จึงได้นำตัวไปสอบสวนยัง สภ.น้ำเกลี้ยง

 

นายทองสุข สุรสิงห์ อายุ 45 ปี ฆาตกรโหดรายนี้ได้ให้การรับสารภาพว่า ตนได้ใช้จอบกระหน่ำตีศีรษะของนายสายชลจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เนื่องจากว่าโกรธที่นายสายชลไล่ตนให้ออกจากบ้านพัก ซึ่งตนทำงานเป็นลูกจ้างของหน่วยงานแห่งนี้อยู่ ด้วยความเมาจึงได้คว้าเอาจอบที่วางอยู่ภายในบ้านออกมากระหน่ำตีศีรษะของนายสายชลหลายครั้งจนเสียชีวิตคาที่ ซึ่ง ร.ต.อ.สุจินดา ได้ตั้งข้อหานายทองสุขว่า ฆ่าผู้อื่น ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับศพของนายสายชลนั้น ทางผู้บริหาร ร.ร.และคณะครู จะได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดพิธีศพตามประเพณี และจะได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรับเงินสวัสดิการช่วยค่าทำศพต่าง ๆ มาให้กับญาติของผู้เสียชีวิต เนื่องจากว่านายสายชลได้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการ อีกทั้งนายสายชลเป็นคนที่ขยันทำงานมาก มาทำงานแต่เช้า กลับค่ำมืดเป็นประจำทุกวัน ทำให้เป็นที่รักของคณะครู นักเรียน และเพื่อนร่วมงานทุกคนเป็นอย่างมาก