"ลุง อปพร." เปิดใจ หลังหายตัวปริศนานาน 4 วัน เผยชายตัวดำผอมสูงพาไป
25 มิ.ย. 2562, 14:11
จากกรณีการหายตัวไปอย่างปริศนา ของนายระพิน แสนเลิง อปพร.อายุ 49 ปี ที่บริเวณลำห้วยไห ทิ้งไว้แต่เพียงรถจักรยานยนต์ เครื่องสูบน้ำ เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 18 มิ.ย.62 และชาวโซเชียลต่างพากันแชร์ข้อความประกาศตามหาคนหายตัว ที่แอดมินเพจข่าวต่างๆ ของจังหวัดอำนาจเจริญ ไม่ว่าจะเป็นเพจฮักอำนาจ เพจฮักปลาค้าว ลงประกาศตามหาคนหาย จนเจอตัวแล้วในที่สุดนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 25 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายระพิน แสนเลิง อายุ 49 ปี อปพร.หนุ่มใหญ่ ชาวบ้านปลาค้าว ต.ปลาค้าว อ.เมือง อำนาจเจริญ หายตัวไปอย่างปริศนา เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.62 ที่ผ่านมา หลังจากขับรถจักรยานยนต์ออกไปที่ทุ่งนาตอนเช้ามืด และได้หายตัวไปเมื่อช่วงสาย พบเพียงรถ จยย. จอดทิ้งไว้ข้างทาง ต่อมาชาวบ้านและหน่วยงานต่างๆได้ระดมปูพรมออกค้นหา กว่า 2 วัน กระทั่งล่วงเลยเข้าวันที่ 3 ทางครอบครัวได้มีการอัญเชิญร่างทรงมาทำพิธีขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ปล่อยตัวกลับคืน เพราะทางครอบครัวเชื่อว่า นายระพิน ยังมีชีวิตอยู่
หลังจากทำพิธีเพียงวัยเดียว วันรุ่งขึ้น วันที่ 21 มิ.ย.62 เวลาประมาณ 08.30 น. มีชายวัยรุ่นในหมู่บ้านได้ออกไปเกี่ยวหญ้าที่ทุ่งนาและได้ไปพบนายระพิน โดยบังเอิญ ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ภายในกระท่อมนา ห่างจากจุดที่หายตัวไป ราว 10 กม. จากนั้นจึงได้พาตัวกลับมาที่หมู่บ้าน และญาติพี่น้องได้นำตัวส่ง รพ.อำนาจเจริญ เพื่อตรวจร่างกาย เบื้องต้น แพทย์ได้สั่งให้นอนพักรักษาตัว ใน รพ.เพื่อดูอาการเนื่องจาก นายระพิน มีอาการอ่อนเพลีย หลังจากพักรักษาตัวใน รพ.อำนาจเจริญ เป็นเวลา 2 คืน แพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.62 ที่ผ่านมา
จากแหล่งข่าวทราบว่า ที่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 2 บ้านปลาค้าว ต.ปลาค้าว อ.เมืองอำนาจเจริญ พบว่า ที่บ้านกำลังมีการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ เพื่อเป็นการเรียกขวัญกลับคืน ตามความเชื่อที่ว่า ขวัญหรือวิญญาณได้ออกจากร่าง หลังหายตัวไปเป็นเวลานาน โดยได้เชิญ พ่อหมอคำสอน ภาษาดี อายุ 77 ปี หมอสู่ขวัญที่มีชื่อเสียงในละแวกบ้านมาทำพิธี ซึ่งหลังจากเสร็จพิธีบายศรีสู่ขวัญ ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านได้นำฝ้ายผูกแขนที่ผ่านพิธีดังกล่าวมาผูกข้อมือให้กับนายระพิน รวมถึงคนในครอบครัว ซึ่งวันนี้ คนในครอบอยู่กันครบหน้า และได้มีการประกอบอาหารเลี้ยงเพื่อนบ้านที่มาร่วมพิธี
ทั้งนี้ นายระพิน ได้เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้สื่อข่าวว่า เริ่มต้นจากวันที่ 18 มิ.ย.62 ขณะที่ตนกำลังนำเครื่องสูบน้ำออกไปที่ทุ่งนา เมื่อไปถึงทุ่งนาตอนเช้ามืด ตนเองได้นำเครื่องสูบน้ำไปไว้ที่ข้างกระท่อม และได้นำเคียวไปเกี่ยวหญ้าเพื่อมาเป็นอาหารวัว ในขณะที่กำลังเกี่ยวหญ้าอยู่นั้น รู้สึกมีอะไรบางอย่างแวบขึ้นมาในหัว และมีความต้องการที่จะเดินทางไป แต่ไม่รู้ว่าจะต้องไปไหน รู้เพียงว่าต้องไป ตนจึงได้ขี่รถ จยย.เข้ามาในหมู่บ้านแต่ไม่ได้กลับไปที่บ้าน
โดยขี่วนรอบหมู่บ้านและขี่ไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลาย กม. จากนั้นก็ขี่วนกลับมายังทุ่งนา เมื่อขี่รถกลับมาที่ทุ่งนา แต่ยังไม่ถึงทุ่งนา พบว่า มีชายผิวดำ รูปร่างผอมสูง ยืนดักอยู่ระหว่างทางก่อนถึงทุ่งนา ตนจึงได้จอดรถในจุดดังกล่าว ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านพบรถ จยย.ของตนจอดอยู่ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็บอกว่าให้ไปกับเขา ตนเองจึงได้เดินตามชายคนดังกล่าวไป โดยระหว่างที่เดินไปชายคนดังกล่าวจะก้าวยาวมาก ตนเดิน 3 ก้าวถึงจะเดินตามทัน จากนั้นชายคนดังกล่าวก็พาเดินไปตามที่ต่างๆ บางที่ตนก็พอจำได้บ้างลางๆ จะเดินลัดเลาะไปตามลำห้วย ตามป่า แต่ไม่เข้าไปในหมู่บ้าน
ขณะที่ชายตัวดำพาตนไปในไร่มันสำปะหลัง ตนเห็นชาวบ้านที่กำลังตามหาตน เห็นลูกสาวที่เดินมาใกล้ ตนพยายามตะโกน และกวักมือเรียก แต่ลูกก็ไม่ได้ยิน และไม่เห็นตนเอง ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นชายตัวดำก็พาตนเดินต่อไป
เมื่อถามว่า ตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปกับชายคนดังกล่าว ได้ทานอาหารบ้างหรือไม่ นายระพิน ตอบว่า ตลอดระยะเวลา ชายตัวดำ จะหาข้าว หาน้ำให้กิน ไม่ได้ขาด และไม่เคยรู้สึกหิว ไม่รู้สึกเหนื่อย จำได้ว่า ชายตัวดำจะตักน้ำใส่ขันเงินแบบโบราณ มาให้ดื่มเวลาหิว แต่อาหารจำไม่ได้ว่า คืออะไร และในช่วงที่นอนพัก ชายตัวดำก็จะคอยนั่งเฝ้าตลอดเวลา พอตื่นก็จะพาเดินไปเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ชายคนดังกล่าวได้ดุด่าหรือทำร้ายทำให้หวาดกลัวหรือไม่ นายระพิน ตอบว่า ตลอดเวลา ชายคนดังกล่าวไม่เคยดุด่า ไม่เคยทำร้ายหรือทำให้กลัวเลย มีแต่คอยดูแลตลอดเวลา แต่ไม่เคยบอกว่าจะไปไหน และตนก็ไม่เคยถาม ทำแค่เพียงเดินตามไปเรื่อยๆ และในวันสุดท้าย ชายคนดังกล่าว บอกว่า จะพากลับบ้าน โดยเดินไปทางทิศใต้ กระทั่งเวลาใกล้แจ้ง ฟ้าสลัว พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น ชายคนดังกล่าวก็เดินมาส่งที่กระท่อม ที่มีคนไปพบ และบอกเพียงจะกลับแล้วนะ ตนจึงได้เข้าไปนั่งพักในกระท่อม และต่อมารู้สึกง่วงจึงได้เอนหลังและนอนหลับ กระทั่งมีคนมาพบในช่วงสาย
จากการสอบถามชาวบ้านส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะเป็นเจ้าปู่ไห หรือ เจ้ากรรมนายเวร ที่มาจากอีกโลกหนึ่ง มาเพื่อลงโทษที่ นายระพิน อาจจะไปล่วงเกินเจ้าที่เจ้าทาง โดยที่ไม่รู้ตัว และเชื่อว่า บริเวณห้วยไห จุดที่นายระพิน หายตัวไปนั้น เป็นประตูสู่เมืองลับแล จากนั้นทางครอบครัวของนายระพิน จึงได้ดำเนินการก่อสร้าง ศาลเพียงตา เพื่อเป็นการแก้บน ที่บนไว้กับเจ้าปู่ไห และนอกจากนั้นจะแก้บนตามสถานที่ต่างๆที่บนบานไว้อีกหลายจุด