ขณะที่ ทาง พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด เปิดเผยว่า สำหรับนาย สมรัก หรือเอ ทองมาก ผู้ต้องหา ที่เพิ่งพ้นโทษออกมา ในคดียาเสพติด ทาง ตร.ชุด สส. สภ.บ่อผุด ได้ติดตามเฝ้าพฤติกรรม มาอย่างต่อเนื่อง และยังทราบว่า ภายหลังได้พ้นโทษออกมา ได้ขยับตัวเองจาก ผู้ค้ารายย่อย มาเป็นผู้ค้ารายใหญ่ ในพื้นที่ และทาง ตร.สส.สภ.บ่อผุด  ได้จับกุมเครือข่ายของนายสมรัก ได้มาก่อนหน้านี้ และมีการขยายผล นำไปสู่การจับกุม นายสมรัก ที่นำยาเสพติดซุกซ่อนไว้บริเวณข้างบ้าน จำนวน 4.60 กิโลกรัม ซึ่งเป็นการจับกุมที่มากที่สุดเท่าที่เปิดทำการ  สภ.บ่อผุด ขึ้นมาในย่านแหล่งท่องเที่ยวชั้นใน ของ อ.เกาะสมุย 

ด้าน ว่าที่ ร.ต.กิตติภพ รอดดอน นายอำเภอเกาะสมุย เปิดเผยว่า เท่าที่ได้รับรายงาน และตรวจสอบประวัติ ของผู้ต้องหา พบว่าผู้ต้องหา มีประวัติไม่ธรรมดา และยังเป็นคนที่มีฐานะ มีทรัพย์สินมรดก มีมูลค่าหลายสิบล้าน และเป็นคนที่ชื่นชอบในการเล่นพนันควายชน เป็นชีวิตจิตใจ  และยังพบประวัติพัวพันกับยาเสพติด ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ เป็นการจับกุมยาไอซ์ ที่มากที่สุดเท่าที่มีการจับกุมกันมาใน พื้นที่ อ.เกาะสมุย ซึ่งต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พร้อมกันนี้ ในช่วงเทศกาลงานฟูลมูนปาร์ตี้ และเทศกาลวันแห่งความรัก ในวันวาเลนไทน์ ทางเจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มมาตรการในเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากพบว่าเครือข่ายยาเสพติดมักใช่ช่องทางในช่วงเทศกาล แฝงตัวนำยาเสพติดมาจำหน่ายให้กับลูกค้า ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และที่ผ่านมา ก็มีการบูรณาการจับกุมกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นการจับกุมยาเสพติดที่มากที่สุด จึงฝากไปถึงพี่น้องประชาชน ลำพังเจ้าหน้าที่เองก็ไม่สามารถที่จะปราบปรามยาเสพติดได้ ถ้าหากไม่มีพี่น้องประชาชน ร่วมเป็นหูเป็นตา 

ภายหลังเสร็จการแถลงข่าว ทางว่าที่ ร.ต.กิตติภพ รอดดอน นายอำเภอเกาะสมุย และนายวิทยา สุขสม กก.ตร.สภ.บ่อผุด ได้ทำการมอบรางวัล ให้กับทาง ตร.ชุด สส. สภ.บ่อผุด เพื่อเป็นกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ และมีกำลังในในการปราบปรามยาเสพติด เพื่อลดการแพร่ระบาดขอยาเสพติดใน อ.เกาะสมุย เนื่องนับวันยาเสพติดได้แพร่ระบาด มากขึ้นทุกวัน ซึ่งในรอบเดือนกุมภาพันธุ์ ที่ผ่านมา ทาง ตร. สภ.บ่อผุด ได้ทำการปราบปราม จับกุม ผู้เสพ  และผู้ค้ารายย่อย และมีการขยายผลไปถึงผู้ค้ารายใหญ่ และมีการจับกุมอาวุธปืน  สามารถยาเสพติดยาไอซ์ 5,032 กรัม พร้อมด้วย ยาบ้า 220 เม็ด และ เฮโรอีน จำนวน 8 หลอด อาวุธปืนมีทะเบียน 2 กระบอก และไม่มีทะเบียน 6 กระบอก  เชื่อว่าหากทุกฝ่ายมีการบูรณาการ กันอย่างจริงจังเชื่อว่า จะทำให้ยาเสพติดลดลงไปบ้าง 

ในเบื้องต้น จากการสอบปากคำ นายสมรัก หรือเอ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ยาไอซ์ทั้งหมดเป็นของตนเอง โดยได้สั่งซื้อมาจาก ทางภาคเหนือ ในราคากิโลกรัม ละ 300.000 บาท ซึ่งตนได้สั่งมา เมื่อประมาณ กลางเดือนมกราคม และแบ่งจำหน่ายไป จนเหลือ จำนวน เกือบ 5 กิโลกรัม สำหรับยาไอซ์ ที่จับกุมในครั้งนี้มึมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ซึ่งทาง ตร.ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่ง ยาไอซ์ เพื่อจำหน่าย พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.//