"หนุ่มวัย23" เมาคลั่งอาละวาด คว้ามีดพร้าไล่ฟันแม่ - น้าชาย ญาติเผยติดยาเสพติด วอนนำไปบำบัด
1 มิ.ย. 2562, 09:21
เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 31 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.มงคล ภูริวัฒนกุล รอง สวป.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งมีคนเมาอาละวาด ก่อกวน และใช้อาวุธมีดพร้าไล่ทำร้ายชาวบ้าน เหตุเกิดบริเวณหลังวัดชะเมา หน้าบ้านเลขที่ 1850/7 ถนนตากสิน ต.ท่าวัง อ.เมือง จึงนำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อถึงพบผู้ก่อเหตุเป็นชายทราบชื่อนายนที หรือ เบส วิทูรย์พันธ์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55/1 หมู่ 2 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี อยู่ในชุดสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ สวมรองเท้าแตะ อยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนัก เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัว เพื่อนำตัวไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก อย่างไรก็ตามนายนที อยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนัก ไม่ยอมให้ตำรวจควบคุมตัวแต่โดยดี และมีท่าทางจะขัดขืนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจจำนวนหลายนาย บุกเข้าควบคุมตัวเอาไว้ได้สำเร็จ โดยที่ไม่มีการต่อสู้ และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะใส่กุญแจมือนำตัวไปสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก เพราะหากปล่อยไว้เกรงว่าจะทำร้ายชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากนายนที ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายนที ผู้ก่อเหตุ ได้นั่งกินเหล้าขาวตั้งแต่ช่วงกลางวัน กระทั้งเย็นเริ่มมีอาการเมาอย่างหนัก และคลุ้มคลั่ง ระหว่างนั้นน้าชายของนายนที กลับเข้าบ้าน และเข้าห้ามปราบนายนที ให้เลิกกินเหล้า ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับนายนที เป็นอย่างมาก ถึงขั้นวางมวยชกต่อยกับน้าชาย แต่นายนที ต่อยสู้น้าชายไม่ได้ จึงคว้ามีดพร้าจะทำร้ายน้าชาย , แม่ และชาวบ้านที่จะเข้าห้ามปราบ สุดท้ายต้องแจ้งตำรวจเข้าระงับเหตุ
จากการสอบถามยายของนายนที เล่าว่า ตนเลี้ยงนายนที หลานชาย มาตั้งแต่ยังเล็ก เนื่องจากพ่อแม่ของนายนที แยกทางกัน โดยตนเลี้ยงดูเหมือนกับลูก กระทั้งไม่นานมานี้นายนที หลานชาย มีพฤติกรรมแอบเสพยาบ้าบ่อยครั้ง ประกอบกับกินเหล้าขาวทุกวัน และทุกครั้งที่กินเหล้าขาว จะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ที่ผ่านมาเคยใช้มีดไล่แทงตนและคนในบ้านมาแล้วหลายครั้ง ทุกวันนี้ตนต้องซ่อนมีดและของมีคมทุกชนิดในบ้าน เพราะเกรงว่านายนที จะคลุ้มคลั่งใช้มีดทำร้ายตนและคนในบ้านได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตนไม่รู้จะทำอย่างไร จะตัดหางปล่อยวัดก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นหลายชายแท้ ๆ แต่ยอมรับว่ากลัวมาก เพราะหากปล่อยไว้แบบนี้ตนและคนในบ้านจะได้รับอันตราย จึงวอนตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยนำตัวหลานชายของตน ไปบำบัดรักษาอาการให้หายเป็นปกติ