จากกรณีการระบาดของเชื้อโรค "ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019" หรือ โรคทางเดินหายใจร้ายแรง ที่เกิดจากไวรัสโคโรน่า ข้ามสายพันธุ์จากค้างคาวผ่านงูเห่ามาติดเชื้อในมนุษย์ ก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบ โดยโรคดังกล่าวเริ่มระบาดในเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน

 

ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 62 ที่ผ่านมา ทำให้ทุกประเทศเกิดความวิตกกังวน และมีการสื่อสารหรือแจ้งข่าวไปทั่วโลก ในจำนวนนี้มีทั้งข่าวจริง และข่าวปลอม ล่าสุด Anti-Fake News Center Thailand หรือ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม โดยการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ได้ทำการตรวจสอบข้อมูล และรวบรวมข่าวปลอมที่เกิดขึ้น ซึ่งมีผู้แชร์ข่าวปลอมออกไปเป็นจำนวนมาก จนทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความตื่นกลัว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อ

นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัสเพื่อเศรษฐกิจ และ สังคม พร้อมด้วยพ.ต.อ. พันธนะ นุชนารถ รอง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) และ พ.ต.อ.ปพนพัชร์ ใบยา ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรบ่อวิน พ.ต.ท.เกริกฤทธิ์ สายวรรณะ รอง ผกก.ป. สภ.บ่อวิน พ.ต.ท.จารุเดช แดงชาติ สวป. พ.ต.ต.ธนพล ติ้นหนู สว.สส. พร้อมชุดสืบสวน  นำหมาย ศาลอาญา เข้าตรวจค้น หอพักเลขที่ 66/3 ม.6 ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ชั้น 2 ห้องเลขที่ 48 พบ นายอาทิตย์ ฤหภักดี อายุ 36 ปี ซึ่งประกอบอาชีพเป็นช่างสัก

จากการสอบสวนอย่างหนัก จนกระทั่งนายอาทิตย์ ฤหภักดี อายุ 36 ปี ยอมรับว่าเป็นผู้โพสข่าวไวรัสโคโรนาที่พัทยา โดยมีข้อความระบุว่า " พัทยามีคนป่วยโคโรน่า ตาย 1 คน ทำไมต้องปิดข่าวหรอ ประชาชนจะได้ระวังตัวกัน ห่วงเศรษฐกิจมากกว่าประชาชน " จึงได้แจ้งข้อการกล่าวหากระทำความผิด

เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ปอท. ติดตามผู้โพสต์ข่าวปลอมเรื่องไวรัสโคโรนา ซึ่งที่ผ่านมาหลังมีข่าวการแพร่ระบาด ทางกระทรวงดิจิทัลไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ติดตามเรื่องนี้มาตลอด และเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมด เพื่อติดตามผู้โพสต์ข่าวปลอมต่างๆ เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ทางกระทรวงดิจิทัลฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ตั้งชุดเฉพาะกิจแยกออกมา กระจายตามเป้าหมายต่างๆ จำนวน 10 จุด ในเคสนี้ผู้ต้องหายอมรับว่า มีการโพสต์ตอนต้นๆ แต่ได้ลบโพสต์ทิ้งแล้ว หลังมีคนแชร์ออกไปจำนวนมาก ซึ่งโพสต์ได้ไม่นานก็ลบออกไปเบื้องต้นได้ดำเนินการเชิญตัวมาทำการสอบสวนที่กระทรวงดิจิทัล และ ปอท.เพื่อดำเนินคดีต่อไป