จากกรณีที่เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 63 ที่ผ่านมา นางมยุรี  ศรีวิพัฒน์  ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์และนโยบาย (ด้านการประสานงานชุมชน) รมช.ศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา  โสภณพนิช) และเป็นผู้ชำนาญการ คนที่ 2 ของศาสตราจารย์กนก  วงษ์ตระหง่าน พร้อมด้วย นายชูชาติ  แก้วนอก  ผอ.สพม.เขต 28  นายสุชาติ  เทสันตะ  ผอ.ร.ร.เบญจประชาสรรค์  นายยศพนธ์  ศรีใสย์  นายก อบต.หนองหมี   และคณะครู ร.ร.เบญจประชาสรรค์  ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 18  บ้านดอนปู่ตา ต.หนองหมี อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เพื่อเยี่ยมบ้านของ  ด.ญ.อาทิมา  กระวานธง  หรือน้องหนึ่ง  อายุ  17 ปี  นักเรียนชั้น ม. 5  ร.ร.เบญจประชาสรรค์                          ที่ขณะนี้กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก  เนื่องจากว่า น้องหนึ่งและน้องชาย  อายุ  16 ปี  ชื่อ นายอภิวิช กระวานธง กำลังเรียน กศน. ครอบครัวแตกแยก พ่อกับแม่แยกทางกัน  ตั้งแต่เด็กทั้ง 2 คนยังเป็นเด็กเล็ก ๆ โดยเด็กทั้ง 2 คนได้อาศัยอยู่กับพ่อและยายที่อายุมากแล้ว  ต่อมาได้สูญเสียคุณพ่อและยายไปในเวลาไล่เลี่ยกัน เด็กทั้ง 2 คน  ต้องอาศัยอยู่ในกระท่อมที่มุงหลังคาและฝาบ้านด้วยผ้าไวนิลที่เป็นป้ายโฆษณาเก่า ๆ เก็บมาจากข้างถนน  และอาศัยอยู่บนที่ดินของพี่สาวของพ่อ  โดยน้องหนึ่งจะหารายได้เลี้ยงตนเองและน้องด้วยการไปเป็นคนเสิร์ฟอาหารที่แพริมแม่น้ำมูล สะพานบ้านแก้ง ต.กุดเมืองฮาม ในช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์  มีรายได้วันละ 150 - 200  บาท  ตามข่าวที่ได้นำเสนอแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 63  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  บ้านเลขที่ 39 หมู่ 18  บ้านดอนปู่ตา   ต.หนองหมี อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.อาทิมา  กระวานธง  หรือน้องหนึ่ง  อายุ  17 ปี  นักเรียนชั้น ม. 5  ร.ร.เบญจประชาสรรค์ และ นายอภิวิช กระวานธง อายุ 15 ปี  กำลังเรียน กศน. ปรากฏว่า ขณะนี้ได้มีการรื้อบ้านหลังเก่าลงแล้ว  โดยชาวบ้านดอนปู่ตา นำโดย นายยศพนธ์   ศรีใสย์  นายก อบต.หนองหมี  พร้อมด้วย  กำนัน ต.หนองหมี และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 18  กำลังช่วยกันเร่งดำเนินการสร้างบ้านให้กับเด็กทั้ง 2 คน  น้องหนึ่งและน้องชายได้ไปอาศัยบ้านของเพื่อนบ้านเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวจนกว่า ชาวบ้านจะช่วยกันก่อสร้างบ้านแล้วเสร็จ ซึ่งรูปแบบการก่อสร้างจะสร้างเป็นบ้านแบบชั้นเดียวก่อด้วยอิฐบล็อค มุงหลังคาสังกะสี  

 

นายสุชาติ   เทสันตะ  ผอ.ร.ร.เบญจประชาสรรค์ ซึ่งเป็น ร.ร.ที่น้องหนึ่งเรียนอยู่  กล่าวว่า  หลังจากที่สื่อมวลชนทุกแขนงได้มีการเสนอข่าวของน้องหนึ่งกับน้องชายออกไปทั่วประเทศและทั่วโลกแล้ว  ปรากฏว่า ได้มีประชาชนที่มีจิตศรัทธาชาวไทยทั่วประเทศและจากประเทศออสเตรเลีย  ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาได้บริจาคเงินเพื่อให้การช่วยเหลือเด็กทั้ง 2 คน  เข้ามาจำนวนมาก ทั้งบริจาคสิ่งของและเงินโอนเข้าบัญชีของน้องหนึ่ง โดยจากการตรวจสอบบัญชียอดเงินบริจาคในวันนี้ (18 ก.พ. 63) ปรากฏว่า  มียอดเงินบริจาคเข้ามาจำนวนทั้งสิ้น 340,000 บาทเศษ โดยเงินส่วนนี้ยังเก็บไว้ในบัญชีเงินฝาก  เพื่อเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาของเด็กทั้ง 2 คน ส่วนการก่อสร้างบ้านนั้น ได้รับการบริจาคจากนายอำเภอราษีไศล  และผู้ใจบุญของ อ.ราษีไศล ร่วมกันบริจาควัสดุใช้ในการก่อสร้าง ส่วนแรงงานก่อสร้างนั้น ชาวบ้านดอนปู่ตาทุกคนได้มาร่วมด้วยช่วยกันก่อสร้าง ขณะนี้กำลังเทพื้นบ้าน และทำหลังคาบ้าน  การก่อสร้างบ้านคาดว่าแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน ก.พ. 63 นี้ ซึ่งหากว่า ท่านผู้ใจบุญทั่วประเทศมีความประสงค์จะให้การช่วยเหลือเด็ก น.ร.2 พี่น้องนี้  สามารถบริจาคเงินช่วยเหลือได้ที่   ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขายางชุมน้อย  บัญชีเลขที่ 609-0-27618-6  ชื่อบัญชี  น.ส.อาทิมา  กระวานธง   โดยคณะครูของ ร.ร.จะเป็นผู้คอยดูแลการใช้จ่ายเงินของเด็กนักเรียนทั้ง 2 คน  ที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมดอย่างใกล้ชิด

ทางด้าน  นางมยุรี   ศรีวิพัฒน์  ที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์และนโยบาย (ด้านการประสานงานชุมชน) รมช.ศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา  โสภณพนิช) และเป็นผู้ชำนาญการ คนที่ 2 ของศาสตราจารย์กนก  วงษ์ตระหง่าน  ซึ่งเป็นผู้ประสานให้การช่วยเหลือเด็กผู้น่าสงสารทั้ง 2 คนมาโดยตลอด กล่าวว่า   ตนต้องขอขอบคุณประชาชนชาวศรีสะเกษ  และชาวไทยทั่วประเทศ  รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่ได้ให้การช่วยเหลือเด็กทั้ง 2 คน  เข้ามาอย่างต่อเนื่อง  นับว่าทุกท่านได้ร่วมกันสร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่มากในการช่วยเหลือเด็กให้มีบ้านอยู่อาศัยและมีเงินทุนในการเรียนหนังสือต่อไป  ซึ่งตนได้รายงานเรื่องนี้ให้  ฯพณฯ  คุณหญิงกัลยา  โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ และฯพณฯ จุติ  ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการช่วยเหลือมาโดยตลอด หลังจากที่การก่อสร้างบ้านเสร็จแล้ว ตนและคณะได้เรียนเชิญ ฯพณฯคุณหญิงกัลยา  โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ เดินทางมาเยี่ยมเด็กและจะเป็นประธานในพิธีมอบบ้านให้กับเด็กทั้ง 2 คน ในวันที่ 6 มี.ค. 63  เวลา  10.00 น. ที่จะถึงนี้  จึงขอเชิญประชาชนชาวศรีสะเกษทุกท่านไปร่วมในพิธีในครั้งนี้ด้วย