วันนี้ ( 23 ก.พ. 2563 ) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หน.อช.เขาแหลม สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม เดินสำรวจต้นไม้ริมถนนทางหลวงหมายเลข 323 ตั้งแต่หน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลม-น้ำตกเกริงกระเวีย ระยะทางกว่า 6 กม. ตั้งแต่หลัก กม.ที่ 232-238 เนื่องจากในห้วง 2-3 วันที่ผ่านมา ได้เกิดไฟป่าในพื้นที่อุทยานฯ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง นอกจากนั้นไฟป่าได้ลุกลามไหม้ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ข้างทาง จนเกิดเหตุการณ์ต้นไม้ข้างทางได้ล้มทับรถยนต์กระบะ นิสสัน นาวาร่า 4 ประตูสีขาว หมายเลขทะเบียน  ฏส.1498 จนเป็นเหตุให้ น.ส.กนกกร สังข์ขจี อายุ 24 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ ด.ช.เต่า ไม่มีนามสกุล อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านเกริงกระเวีย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

โดยช่วงบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่แขวงการทางสังขละบุรี ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมและเจ้าหน้าที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สังขละบุรี ช่วยกันตัดต้นไม้ที่ถูกไฟป่าไหม้ จนล้มมาฟาดสายไฟของการไฟฟ้าและมีแนวโน้มจะล้มลงบนถนน เพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย

และล่าสุดจากการสำรวจของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นมีต้นไม้ที่โดนไฟไหม้และมีแนวโน้มจะหักโค่นจำนวนกว่า 20 ต้น ซึ่งจำเป็นต้องตัดลงมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพต้นไม้เหล่านั้นไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนัดหมายในการตัดต้นไม้ดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากเป็นวันปกติ เพื่อไม่ให้กระทบต่อรถยนต์ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

ส่วนบรรยากาศงานศพของ ด.ช.เต่า ที่วัดเกริงกระเวีย ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัว โดยนายโซ ไม่มีนามสกุล บิดา ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ยังทำใจต่อการสูญเสียในครั้งนี้ไม่ได้ เนื่องจาก ตนเองมีลูกเพียงคนเดียว ก่อนหน้า น.ส.กนกกร ซึ่งเป็นน้าของ ด.ช.เต่า ได้มารับลูกชายตนเองไปนอนค้างที่บ้านพักเจ้าหน้าที่ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ซึ่งตนก็อนุญาต โดยคืนก่อนเกิดเหตุตนเองฝันว่ามีคนทำร้ายบุตรชายบริเวณศีรษะเต็มไปด้วยเลือด ตื่นนอนตอนเช้าตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร จนมีคนโทรศัพท์มาบอกว่าลูกตนเองเกิดอุบัติเหตุ ในฐานะผู้สูญเสียจึงอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลต้นไม้ริมถนน หากมีความเสี่ยงก็ควรตัดออก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุและความสูญเสีย เหมือนที่เกิดกับครอบครัวของตนเอง

ขณะที่ น.ส.กนกกร สังขขจี  ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ ทีมแพทย์ได้นำตัวมาดูอาการจากตึกผู้ป่วยหญิงมายังห้องคลอด เพราะมีอาการเจ็บหลังและเจ็บท้อง ขณะนี้ยังนั่งไม่ได้กลัวแท้งลูกด้วย โดน น.ส.กนกกร ยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเล่าเหตุการณ์วินาที่เฉียดตายให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองขับรถมากับ ด.ช.เต่า บนถนนตามปกติ  ไม่คิดว่าต้นไม้จะโค่นลงทับรถ เนื่องจากใช้เส้นทางนี้ประจำ

จึงอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลทั้งเรื่องต้นไม้และก้อนหินสองข้างทาง ช่วงตรวจสอบและหาทางป้องกันเพื่อ ไม่ให้เกิดอันตรายกับประชาชนและนักท่องเที่ยว เนื่องจากเส้นทางนี้เป็นเส้นทางท่องเที่ยว ที่มีรถยนต์ผ่านจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดเป็นเคสสุดท้าย  ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก