เมื่อเช้าวันนี้ (25 มิ.ย.) ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากนายพิสิษฐ์ บุญปาน อายุ 55 ปี ชาวบ้านบ้านคลองขุด  หมู่  3 ต.หัวตะพาน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อขอให้ช่วยเหลือคุณทวดวิ่ง คงแคล้วภัย อายุ 98 ปี ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชนเลขที่ 39 หมู่  3 ต.หัวตะพาน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งแก่ชราและยังพิการตาบอดทั้งสองข้าง อาศัยคนเดียวในเพิงพักหรือกระท่อมไม้เล็ก ๆ เก่าโกโรโกโสจะพังมิพังแหล่ โดยมีนายพิสิษฐ์ บุญปาน และชาวบ้านพยามยามระดมทุนทำการก่อสร้างบ้านใหม่หลังเล็ก ๆ เพื่อให้คุณทวดวิ่งได้อยู่อาศัยในบั้นปลายชีวิต แต่การก่อสร้างขาดงบประมาณจึงยังไม่แล้วเสร็จ

 

 

ตรวจสอบพบกระท่อมหรือเพิงพักของคุณทวดวิ่งขนาด 2 x2 เมตร ฝาบ้านกั้นด้วยเศษไม้กระดานและเศษแผ่นสังกะสีเก่า ๆ ส่วนหลังคาก็มุงสังกะสีเก่า ๆ เช่นกัน ประตูด้านหน้าไม่มีแต่ได้มีการนำเอาเศษไม้และกระสอบปุ๋ยมามัดต่อกันเป็นแผงสามารถม้วนเก็บเมื่อต้องการจะเปิดประตู และคลี่ลงมาเมื่อต้องการจะปิดประตู

 

นายพิสิษฐ์ เพื่อนบ้านที่คอยช่วยเหลือ ระบุว่าคุณทวดวิ่ง คงนอนอยู่ในเพิกพัก ลองเรียกดูผู้สื่อข่าวจึงตะโกนเรียกคุณทวดวิ่ง 2-3 ครั้ง คุณทวดส่งเสียงตอบรับเสียงแหบพร่าแผ่วเบาก่อนจะพยายามจะม้วนแผงประตููเปิดขึ้นด้วยความยากลำบาก เพื่อออกมาต้อนรับแขกที่มาเยือน

 

 

 

และพบว่าคุณทวดวิ่งสวมเสื้อซาฟารีเก่าๆ สีครีมและนุ่งกางเกงขายาวสีดำ สวมแว่นตาขนาดใหญ่แต่มีเลนส์ข้างขวาเพียงข้างเดียว ส่วนช่องเลนส์ด้านซ้ายมีการตัดแผ่นพลาสติกปิดเอาไว้  ซึ่งคุณทวด มีอารมณ์ดี ยิ้มแย้มเจ่มใสและพยายามเชื้อเชิญให้ขึ้นไปนั่งบนบ้านทั้งๆที่ไม่มีพื้นที่จะขึ้นไปได้

 

คุณทวดวิ่ง เปิดเผยว่า ตนเกิดในสมัยรัชกาลที่ 6 แต่งงานมีครอบครัวและมีบุตรสาว 1 คน แต่ภรรยาและบุตรสาวได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ตนจึงอาศัยอยู่เพียงคนเดียวมาตลอดในกระท่อมเล็กๆเก่า ๆ ที่ชำรุดทรุดโทรม ปัจจุบันยังมีน้องสาว 1 คนคือ นางสนิท เวสารัตน์ อายุ 75 ปี มีบ้านอยู่ใกล้ๆกัน และชื่อตนรวมอยู่ในสำเนาทะเบียนบ้านของน้องสาว ซึ่งครอบครัวของน้องสาวก็มีฐานะยากจนไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก ตนจึงแยกมาอาศัยในกระท่อมหลังนี้เพียงคนเดียว ถือว่าดำรงชีวิตอยู่ได้ไม่ทุกข์ร้อนมากนักเพราะได้รับเบี้ยยังชีพจากรัฐบาล เป็นเบี่ยยังชีพคนชราเดือนละ 1,000 บาทและเบี้ยยังชีพผู้พิการอีกเดือนละ 800 บาท