โดยตั้งข้อกล่าวหา คือ ที่ สภ.แสนสุข ดำเนินคดี ทำร้ายร่างกาย ผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ และ สภ.เสม็ด ก็ดำเนินคดี ในข้อหายักยอกทรัพย์ ที่นาย จิ๋วไปแจ้งความไว้ โดยนายสุทธิพงศ์ หรือเจมส์ เนินมะกอก ก็รับว่า เอาโทรศัพท์ไปจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจชักดาบ อามณ์ดีเมื่อไหร่แล้วจะคืนให้ โดยพูดน่าตาเฉย แถมยังด่าว่า "โทรศัพท์กระจอก ไม่อยากได้หรอก"

 

โดยนาย สุทธิพงศ์  เล่าให้นักข่าวฟังแบบไม่สลดและไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองผิดที่ทำลงไปโดย รับสารภาพว่าเป็นคนทำร้ายเด็กจริงแต่มีสาเหตุที่ทำลงไปและพยายามบอกถึงสาเหตุที่มาที่ไปไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะมาฆ่ากันเลยและอ้างว่าโจรมันจะมาบอกว่าตัวเองเป็นโจรหรือและบอกว่าขนาดพ่อแม่บอกเด็กคนนี้ยังไม่ยอมฟังเลยมันต้องโดนมือโดนตีนตามจริงแล้วไม่ได้เกี่ยวกับโทรศัพท์ยอมรับว่าเอาโทรศัพท์มาแต่ไม่ได้อยากได้โทรศัพท์ของตนก็มีซึ่งโทรศัพท์ที่เอามาก็ดูกะโหล่งโป้งมากจะเอาไปทิ้งน้ำด้วยพูดแล้วขึ้น โดยได้มีการแจ้งความเรื่องขโมยโทรศัพท์ไว้ที่สภ.เสม็ดด้วย

 

 

ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามตัวจนทราบว่าผู้เสียหายกับผู้ก่อเหตุเคยรู้จักกันมาก่อนและผู้ก่อเหตุทราบว่าผู้เสียหายไปแจ้งความเรื่องโทรศัพท์จึงมาดักรอทำร้ายที่ห้องพักแต่ไม่เจอพอทราบว่าผู้เสียหายมาที่ร้านเกมจึงตามมาทำร้ายที่ร้านเกมและก็หลบหนีไป

 

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ก็ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหาย เคยพักอาศัยอยู่บ้านเช่าบริเวณ ซอยวัดตาลล้อม อยู่กับบิดา เมื่อประมาณ ปี 2562 พ่อของผู้เสียหายถูกจับในข้อหาเกี่ยวเสรีภาพ,เพศ ถูกจับที่ท้องที่ จ.อยุธยา และถูกดำเนินคดี ลักษณะเดียวกันที่ สภ.แสนสุข และถูกจำคุกทีเรือนจำชลบุรี

 

ส่วนมารดา ได้หย่าร้างไปหลายปีแล้ว ไม่ทราบอยู่ที่ใด ผู้เสียหายไม่ได้อยู่บ้านเช่าหลังเดิม ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จะอาศัยหลับนอนตามร้านเกม, บ้านเพื่อน,ชายหาดบางแสน

 

นอกจากนี้ ตำรวจแสนสุข ตรวจประวัติอาชญากรรม พบว่า นายเจมส์ มีคดี ลักทรัพย์ ที่ จ.นครสวรรค์ ติดตัว ถึง 2 หมายอีกด้วย