นพ.สสจ.ประจวบฯ ยัน 2นักท่องเที่ยวเกาหลี ขับเก๋งชนเสาไฟไม่ติดเชื้อโควิด-19
26 ก.พ. 2563, 18:32
เวลา 15.00 น.วันที่ 26 ก.พ.63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานความคืบหน้ากรณีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี 2 ราย ที่ประสบอุบัติเหตุรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้ สีเทา-ดำ ทะเบียน 1 กร 9652 กทม.ชนกับเสาไฟส่องสว่างบริเวณเกาะกลางถนน ฝั่งขาล่องใต้ หลักกิโลเมตรที่ 299 หมู่ 3 เขาทุ่งกระต่ายขัง ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และทำให้ผู้ขับขี่พร้อมผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บขาขวาหักถูกนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลประจวบ เมื่อแพทย์ได้ทำการตรวจวัดไข้พบเกินค่าที่กำหนด 38.4 จึงได้มีการกักตัวและจัดพื้นที่เซฟโซนตามมาตรฐานการเฝ้าระวังป้องกันเชื้อไวรัส covid-19 เพื่อซักประวัติว่าเข้าข่ายจัดอยู่ในผู้เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ ตามที่ผู้สื่อข่าวได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
วันนี้ความคืบหน้าล่าสุด นายแพทย์ สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุและทราบข่าวได้ติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามขั้นตอนของการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส covid-19 โดยได้มีการตรวจวัดไข้ของผู้ที่เข้ามารักษา และต้องสงสัยว่าเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หากมีไข้เกิน 37.5 องศา ให้ถือว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังไว้ก่อน และจัดพื้นที่ Safe Zone แยกออกจากเคสปกติทั่วไป เพื่อจะได้ซักประวัติในการเดินทางเข้า-ออกประเทศ วันไหน เมื่อไหร่ ผลปรากฏว่านักท่องเที่ยวชาวเกาหลี 2 ราย ที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ประกอบด้วย Mr.jung jinkwan(จุง จินขวัญ) อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขี่และตรวจพบมีไข้เกินค่ามาตรฐาน หลังจากซักประวัติอย่างละเอียดทราบว่าได้เดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยประมาณ 2 เดือน ซึ่งเกิน 14 วันและเลยระยะฟักตัวของเชื้อแล้ว จึงไม่จัดอยู่ในผู้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ที่มีอาการไข้อาจเกิดมาจากนั่งอยู่ในรถแล้วตากแดดเป็นเวลานาน ซึ่งได้จัดห้องแยกในการพักรักษาตัวอาการบาดเจ็บขาหักในแผนกกระดูกแล้ว ส่วนผู้โดยสารที่นั่งซ้ายมาด้วย คือ Mr.Jang Taewon (จัง เทวัน) อายุ 51 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งจากการซักประวัติพบว่าเพิ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้เพียง 4 วัน และตรวจไม่พบว่ามีไข้จึงสามารถปล่อยตัวให้ออกจากโรงพยาบาลได้หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว และให้ไปเฝ้าระวังสังเกตุอาการตัวเองอยู่ที่บ้านตามคำแนะนำของแพทย์
ในส่วนทางด้านการเตรียมความพร้อมของระบบสาธารณสุขจังหวัดประจวบ เกี่ยวกับการเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ covid-19 ในพื้นที่จังหวัดประจวบตาม นโยบายของกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบ มีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ว่าจะเป็นการที่ให้ทุกหน่วยงานติดตั้งบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริเวณหน้าลิฟท์ทุกชั้นพร้อมประชาสัมพันธ์ขั้นตอนการป้องกันตัวเอง และมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกโรงพยาบาล และหน่วยงานในระบบสาธารณสุข การตั้งจุดคัดกรองผู้ป่วย และแยกผู้ต้องสงสัยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหากตรวจพบมีไข้เกิน 37.5 องศา ก็จะกันพื้นที่เซฟโซนแยกห้องต่างหากเพื่อซักประวัติโดยจะให้ผู้ต้องสงสัยสวมใส่หน้ากากอนามัย และให้เจ้าหน้าที่สวมใส่ชุด และหน้ากากเพื่อทำการซักประวัติอย่างละเอียด หากพบว่าเพิ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทยไม่เกิน ระยะฟักตัว 14 วัน และตัวผู้ป่วยเองหรือญาติได้เคยเดินทางไปในประเทศที่มีการแพร่ระบาดก็จะต้องถูกกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการ 14 วัน สำหรับพื้นที่เขตจังหวัดประจวบ ตรวจพบมีผู้ป่วยที่ติดเชื้อ covid-19 จำนวน 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวจีน 1 ราย และคนขับรถ 1 ราย ซึ่งได้ทำการรักษาหายจนแล้ว และมีผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัยเฝ้าระวังยืนยันจำนวน 2 รายและดำเนินการตรวจ 7 ราย รวม 9 ราย มีผลเป็นลบ และขณะนี้ไม่มีผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวัง จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ดูแลสุขภาพป้องกันตัวเอง สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือตนเองให้สะอาด งดไปเที่ยวในประเทศที่มีการแพร่ระบาด หรือไปเที่ยวในที่ชุมชนแออัด และขอความร่วมมือเข้าใจในการปฏิบัติตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายแพทย์ สสจ.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้เดินทางไปติดตามบรรยากาศที่บริเวณโรงพยาบาลประจวบ พบว่าทางโรงพยาบาลได้จัดเจ้าหน้าที่ตั้งจุดคัดกรองสแกนผู้ป่วยว่ามีปริมาณไข้ เกิน 37.5 องศาหรือไม่ พร้อมแจกหน้ากากอนามัยให้กับผู้ป่วยที่มีปริมาณไข้สูง รวมถึงติดป้ายประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการล้างมือและการเฝ้าระวังป้องกันตัวเองให้ห่างไกลโรค ซึ่งหากเป็นผู้เข้าข่ายที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็จะคัดแยกโซนออกจากผู้ป่วยปกติ เพื่อซักประวัติและหากพบว่ามีประวัติในการเดินทางไปในประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือประเทศที่มีการแพร่ระบาดก็จะแยกห้องจัดเป็นพื้นที่เซฟโซนที่เตรียมไว้ จำนวน 10 ห้อง ส่วนลิฟท์ที่ใช้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยต้องสงสัยก็จะปิดชั่วคราว พร้อมกับทำการฉีดพ่นฆ่าเชื้อทำความสะอาดตามมาตรฐาน และหลังจากนั้นอีก 1 ชั่วโมง จึงจะเปิดให้ประชาชนใช้ได้ตามปกติ