พบ "ครอบครัวเสือดาว" บริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ใกล้ชายแดนประเทศพม่า
27 มิ.ย. 2562, 12:53
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเปิดภาพครอบครัวเสือดาวลูกสอง ที่เป็นลูกเสือดาว 1 ตัว และลูกเสือดำ 1 ตัว พร้อมบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ และยืนยันว่าผืนป่าแก่งกระจานมีความสมบูรณ์พอที่จะเป็นมรดกโลก
วันที่ 27 มิถุนายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมานะ เพิ่มพูน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า จากการนำกล้องดักถ่าย ติดตั้งภายในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จะเห็นได้ว่าสามารถบันทึกภาพสัตว์ป่าหายากไว้ได้อย่างมากมาย ทั้งเสือดาว เสือดำ โดยล่าสุดกล้องที่ติดตั้งไว้บริเวณพื้นที่ห่างจากเขาพะเนินทุ่งขึ้นไปทางทิศตะวันตก ทางเทือกเขาตะนาวศรี ห่างชายแดนไทยพม่าประมาณ 10 กม. ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 วัน ในการติดตามประชากรตามป่าที่อยู่ติดชายแดนไทย พม่า
พบว่ามีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ป่า มีการพบร่องรอยทางเดินมนุษย์ พบสัตว์ทั้งเหยื่อ ทั้งผู้ล่า และกล้องสามารถบันทึกภาพของครอบครัวเสือดาวเอาไว้ได้โดยภาพที่เห็นแม่เสือดาวจะเดินนำหน้าโดยมีลูกสองตัวเป็นเสือดาว 1 ตัว และ เสือดำ 1 ตัว ซึ่งเป็นภาพที่น่ารักและสะท้อนให้เห็นถึงความสมบูรณ์และการเพิ่มทรัพยากรสัตว์ป่าอย่างเห็นได้ชัดและเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สัตว์ป่ายังคงอยู่ และบริเวณเดียวกันก็ยังพบสมเสร็จ วัวกระทิง ช้างป่า เก้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ความหวังในการดูแลรักษาสัตว์ป่าซึ่งข้ามไปข้ามมาระหว่างชายแดน
.
เรามีความพยายามในการติดตามจำนวนประชากรสัตว์ป่าทุกชนิด ทั้งเสือโคร่ง เสือดาว เสือดำ และจระเข้น้ำจืด ซึ่งปัจจุบันเราได้พบร่องรอยได้บ่อยครั้งขึ้น และจากตรงนี้ทำให้เราสามารถแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแก่งกระจานตามข้อเสนอมรดกโลกที่เราเสนอเรื่องความสมบูรณ์และความหลากหลายทางระบบนิเวศน์ของชนิดพืชและสัตว์ที่หายาก ซึ่งเป็นตัวยืนยันว่าผืนป่าแก่งกระจานมีความสมบูรณ์พอที่จะเป็นมรดกโลก ซึ่งได้รับความร่วมมือจากชุมชนที่อยู่ในพื้นที่โดยเฉพาะชุมชนชาวกะเหรี่ยง
ปัจจุบันการลักลอบทำลายทรัพยากร การรุกล้ำสถานที่และการลักลอบล่าสัตว์ป่าลดลง ส่วนเรื่องของการป้องกันการลักลอบจากบุคคลภายนอกเราเพิ่มสายตรวจชุดลาดตระเวนเป็น 15 ชุด ที่เฝ้าดูแลรักษาทรัพยากรและลาดตระเวนให้ครบพื้นที่ทั้งหมดโดยมีเป้าหมายการเดินไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ ปัจจุบันเดินลาดตระเวนคลอบคลุมพื้นที่ได้เกือบถึง 60 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งเป้าหมายต่อไปในอนาคตถ้าเราสามารถพัฒนาระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพให้ดีขึ้นทำให้เราสามารถเดินได้ใกล้เคียง 100 เปอร์เซ็นต์ทำให้เราพบเห็นประชากรสัตว์ป่าได้มากขึ้น
โดยนโยบายเรื่องการดูแลทรัพยากรด้วยการลาดตระเวน ครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช ท่านได้ให้สำคัญกับทุกอุทยาน เพราะฉะนั้นในอนาคตหากมีการพบสัตว์ป่าออกมาเพิ่มขึ้นบริเวณชายขอบก็จะต้องดูแลโดยความร่วมมือร่วมกับภาคประชาชนทุกภาคส่วนเพื่อที่ช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรสัตว์ป่าให้คงอยู่