ตร.คุมตัว "สามีโหด" ทำแผนใช้ไม้ธรณีประตูฟาดภรรยาเสียชีวิต
2 มี.ค. 2563, 20:23
วันนี้ ( 2 มี.ค.63 ) จากกรณีแจ้งตำรวจว่า นางลำไพร โฆวัฒนะกุล อายุ 41 ปี ภรรยาเมาล้มหัวน็อคพื้นตายหลังบ้าน แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะพบบาดแผลถูกของแข็งมีคมทุบศีรษะและหน้าผากแตก ตามร่างกายมีรอยฟกช้ำ มีคราบเลือดในบ้านและรอยล้างคราบเลือด แพทย์ระบุเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมาก โดยชาวบ้านระบุว่าสามีภรรยาดื่มเหล้าแล้วทะเลาะวิวาทกันประจำ เมื่อสัปดาห์ก่อนสามีทำร้ายภรรยาบาดเจ็บต้องนอนโรงพยาบาล พอออกจากโรงพยาบาลก็ดื่มเหล้าเมาทะเลาะกันอีกจนภรรยาตาย แต่สามียังปากแข็งให้การปฏิเสธ ยันภรรยาล้มตาย ตำรวจไม่เชื่อนำตัวไปสอบสวนที่โรงพัก เหตุเกิดคืนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.บรรจบ สีหานาวี ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.อารียฺ สินธุรา ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.พัฒนพล จันทร์พล รอง ผกก.ป.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 191 และชุดสืบสวน ควบคุมตัว นายสมเดช ยันพิมาย อายุ 45 ปี มายังบ้านเลขที่ 288 หมู่ 17 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่เป็นบ้านของ นายสมเดช เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นางลำไพร โฆวัฒนะกุล ภรรยาจนเสียชีวิต
หลังจากที่ตำรวจชุดสืบสวนได้เค้นสอบอยู่นานจน นายสมเดช เปิดปากรับสารภาพว่า ได้ทำร้ายร่างกาย นางลำไพร ด้วยไม้ธรณีประตู แต่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย” โดยการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีแม่และลูกสาวของ นายสมเดช กับภรรยาเก่า มารอดูที่หน้าบ้าน พร้อมกับชาวบ้านบริเวณนั้นที่ทราบข่าว มาร่วมดูการทำแผนครั้งนี้
ซึ่งการทำแผนเริ่มจากที่ นายสมเดช และนางลำไพร ขี่รถ จยย.ไปรับ นางลำไพร กลับมาจากบ้านเพื่อนที่บ้านหนองตุ โดยขณะกลับมาบ้านได้ทะเลาะกัน เพราะนางลำไพร อยากดื่มเบียร์ต่อ จากนั้นได้ขี่รถ จยย. กลับมาถึงบ้าน และอ้างว่า นางลำไพร มีการเมาสุราและทะเลาะกันมา จากนั้นนายสมเดช ได้เปิดประตูบ้านเข้าไป แต่นางลำไพร ยังไม่เข้าบ้านนั่งที่พื้นหน้าบ้าน นายสมเดช จึงไปในบ้าน แล้วนางลำไพร ได้คลานเข้ามาแล้วนอนอยู่กลางบ้าน โดยทั้ง 2 คน ยังมีปากเสียงทะเลาะกัน นายสมเดช หยิบไม้ขวางธรณีประตู ขนาด 4 นิ้ว ยาวประมาณ 1.5 เมตร โยนใส่นางลำไพร ที่นอนอยู่
จากนั้น นางลำไพร ที่ยังมีสติ ได้เดินเข้าในครัว จะหาของกิน และบอกให้ นายสมเดช ทำมะม่วงให้กิน แต่นายสมเดช ไม่ทำ นางลำไพร จึงหยิบเอากระปุกใส่ปลาร้าพลาสติก ปาใส่ นายสมเดช แล้วทะเลาะกันอีก จนนางลำไพร ได้เปิดประตูหลังบ้านออกไปแล้วล้มลง นายสมเดช จึงเอากระปุกปลาร้า ราดใส่ตัว นางรำไพร แล้วกลับเข้าบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้านอนดูโทรทัศน์บนเตียงแล้วหลับไป ประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ไม่เห็น นางลำไพร กลับเข้ามานอน จึงเดินไปดูที่หลังบ้าน พบว่า นางลำไพร ยังนอนอยู่ จึงจะเข้าไปปลุกให้มานอน แต่เข้าไปพบว่า นางลำไพร นอนจมกองเลือดเสียชีวิต จึงล้างเลือดออก และไปบอกแม่ตนเอง แม่จึงไปบอกประธานชุมชนต่อ เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว
ทางด้าน พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทางตำรวจลงพื้นที่มาตรวจสอบ พบว่า นางลำไพร นอนเสียชีวิตในบ้าน โดย นายสมเดช สามีบอกว่า นางลำไพร นอนเสียชีวิต ทางตำรวจจึงซักถาม นายสมเดช ตลอดทั้งวันทั้งคืน จนสุดท้าย นายสมเดช ยอมรับสารภาพว่า เป็นคนที่ทำร้ายร่างกาย นางลำไพร จนเสียชีวิต โดยที่ผ่านมาสามีภรรยาคู่นี้ มักจะทะเลาะกันเป็นประจำ แต่ครั้งนี้ลงมือหนักเกินไป ใช้ไม้กั้นธรณีประตูทำร้ายร่างกายภรรยาจนเสียชีวิต โดยทางพนักงานสอบสวนจะส่งไม้ไปให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอีกครั้ง
ทางด้าน นายสมเดช ผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนทำอาชีพเป็นช่างกลึง อยู่กินกับภรรยาคนนี้มา 3 ปี รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเป็นไปได้ถอยกลับไปก็คงไม่ทำ เพราะตนไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ภรรยาเสียชีวิต ที่ทำไปเพราะอยากให้เขามีสติ เป็นเพียงการสั่งสอนให้ภรรยาเลิกเมาเท่านั้น เพราะหากตัวภรรยากินเหล้าเมื่อไหร่ เขาก็จะเมาทะเลาะกันแทบจะทุกครั้ง ส่วนตนเองนั้นจะกินเหล้าเฉพาะวันหยุดงานเท่านั้น ส่วนวันเกิดเหตุที่ทะเลาะกันจนถึงขั้นโยนไม้ใส่ เพราะวันนั้นไปกินเหล้าที่บ้านเพื่อนกลับมา เมื่อมาถึงบ้านภรรยาก็จะกินอีก ขอเงินตนซื้อเบียร์อีก 3 ขวด แต่เงินของตนเหลือน้อย ตนจึงบอกไปว่า ถ้าซื้อเบียร์แล้วจะเอาเงินที่ไหนซื้อกับข้าว จึงด่ากันแล้วทะเลาะกันอย่างรุนแรง
“ซึ่งก่อนหน้าก็ทะเลาะกันเรื่องกินเหล้า ตัวภรรยาเคยกระโดดลงรถ จยย.ที่ซ้อนผมมาถึง 4 ครั้ง ภายใน 1 เดือน แล้วก็ต้องนอนโรงพยาบาลทุกครั้ง ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ก่อน ผมไปตามก็เห็นเขาอยู่บ้านลูกเขา วันพุธผมก็ไปรับกลับก็เมากลับมา ตาก็เขียว ถามไปถูกอะไรมาก็ไม่รู้เรื่อง แต่ผมก็นำเขาไปส่งโรงพยาบาล หัวก็แตกตาก็เขียว ยอมรับว่าเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากย้อนเวลาได้คงจะไม่ทำแบบนี้”
ด้านนางม้วน ยันพิมาย อายุ 75 ปี แม่ของ นายสมเดช เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุลูกชายได้ไปหาตนที่บ้าน ตนจึงให้ลูกชายไปบอกประธานชุมชนแล้วโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวานนี้ตนได้ไปหาลูกชายที่โรงพัก และคุยกับลูกชายว่าก็ตามแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิสูจน์ไปนะลูกชาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์มาว่ายังไงก็ตามนั้น เพราะว่าตนก็ไม่ได้มาเห็นเหตุการณ์ด้วย ซึ่งลูกชายของตนทำงานจะหยุดวันอาทิตย์ แล้วก็จะดื่มเหล้าตลอด แต่ถ้าเป็นวันธรรมดาก็ไปทำงานโรงกลึงจะไม่ค่อยดื่มเหล้า ตนก็ไปด่าลูกชายไม่ได้หรอก เพราะเห็นข่าวตีแม่ตายตนก็กลัวเป็นแบบนั้น ตนก็คงคิดว่าเป็นบาปใครบาปมันกรรมใครกรรมมันแม่ก็เลี้ยงได้แต่ข้าวกับน้ำเท่านั้น