ที่เพจเฟซบุ๊กนักข่าวสายทหาร Wassana Nanuam ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 มีรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการรองรับคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้ จาก 2 เมือง ได้แก่ แททกู และคยองซัง โดยจะดำเนินการตามมาตรการที่เคยกักคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่น ประเทศจีน ในแบบ สัตหีบ โมเดล 
 
โดย พลโท ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาค 2 ได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า รัฐบาลเตรียมใช้โรงพยาบาลทหาร ในค่ายทหาร ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ภาคอีสาน รองรับแรงงานไทยกลับจากเกาหลีใต้ เพราะส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดภาคอีสาน ว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานงานมาจากส่วนกลาง แต่เรามีความพร้อม เพราะมีโรงพยาบาลทหารทั้ง 10 มณฑลทหารบก (มทบ.) แต่หากมีเป็นจำนวนมาก อาจจะเปิดค่ายทหารรองรับ

สำหรับ มทบ.ทั้ง 10 แห่ง คือ มทบ. 21 ที่ดูแลพื้นที่ จ.นครพนม และ จ.ชัยภูมิ ,มทบ.22 อุบลราชธานี ,จ.อำนาจเจริญ, มทบ.23 จ.ขอนแก่น ,จ. กาฬสินธุ์, มทบ.24  จ. อุดรธานี จ.นครราชสีมา, มทบ.25 จ. สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ, มทบ.26 จ.มหาสารคาม จ.บุรีรัมย์,มทบ.27 จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร ,มทบ.28 จ.เลย จ. หนองบัวลำภู,มทบ.29 จ. บึงกาฬ จ.สกลนคร และ มทบ.210 จ.นครพนม จ.มหาสารคาม

ทั้งนี้ ทบ.ได้สั่งการไปมณฑลทหารบก 37 แห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะ มณฑลทหารบก ที่มีโรงพยาบาลค่ายอยู่ภายในค่าย ให้เตรียมพร้อมจัดสถานที่ บุคลากร ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติ สถานที่ควบคุม ต้องไม่อยู่บริเวณโรงนอนของกำลังพล

และให้สาธารณสุขจังหวัด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ของแต่ละจังหวัด เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์

โดยใช้โมเดล แบบอาคารพักรับรองสัตหีบ อ่าวดงตาล ฐานทัพเรือสัตหีบ ของกองทัพเรือ ที่เคยใช้เฝ้าระวังคนไทยกลับจากอู่ฮั่น ประเทศจีน และหากพบผู้ป่วยให้นำส่งไปยังโรงพยาบาลของละจังหวัด

แต่ทั้งนี้ ต้องรอความชัดเจนจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่อยู่ระหว่างหารือกับ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ว่าจะใช้สถานที่ใด