กลุ่มเครือข่ายด้านชนกลุ่มน้อย-กลุ่มชาติพันธุ์ ได้ยื่นหนังสือกับกระทรวงสาธารณสุขให้แก่นักเรียนที่ไม่มีสถานะ
6 มี.ค. 2563, 16:16
วันนี้ 06 มี.ค. 2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายสุรพงษ์ กองจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากะเหรี่ยงและพัฒนา เปิดเผยว่า เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีในการให้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุข แก่เด็กนักเรียนในสถานศึกษาที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน กลุ่มตัว G จำนวน 78,897 คน โดยมีนายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีเป็นผู้รับมอบหนังสือ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีระบบหลักประกันสุขภาพทั่วหน้ามาตั้งแต่พ.ศ. 2545 แต่ยังมีคนไทยอีกจำนวนหนึ่งที่รอการพิสูจน์สัญชาติไทยและมีปัญหาสถานะและสิทธิ ไม่สามารถใช้สิทธินี้ได้ ซึ่งส่วนมากเป็นชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิด้านสาธารณสุขซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
วันที่ 23 มีนาคม 2553 ได้มีมติคณะรัฐมนตรีในการให้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขแก่บุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ จำนวน 457,409 คน ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่รัฐจัดทำทะเบียนประวัติและออกบัตรชนกลุ่มน้อยให้ โดยมีนโยบายให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้
ต่อมาวันที่ 16 เมษายน 2558 ได้มีมติคณะรัฐมนตรีให้สิทธิด้านสาธารณสุขเพิ่มเติมกับชนกลุ่มน้อยที่ตกหล่นจากการสำรวจ และได้รับการสำรวจตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิ จำนวน 152,869 คน และบุตร จำนวน 53,962 คน แต่สำหรับเด็กนักเรียนในสถานศึกษาที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำรหัสเป็นตัว G จำนวน 90,640 คนนั้น คณะรัฐมนตรีขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบความถูกต้องของตัวบุคคลให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความทับซ้อน
กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมและดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของจำนวนเด็กนักเรียนกลุ่มนี้ โดยรวมฐานข้อมูลเด็กนักเรียนทั้งหมดมาไว้ในฐานข้อมูลของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเพียงหน่วยงานเดียว และตรวจสอบกับฐานข้อมูลสำนักบริหารการทะเบียน กระทรวงมหาดไทย จนสรุปได้จำนวนนักเรียนในสถานศึกษารหัสตัว G จำนวน 78,897 คนในปัจจุบัน
นายสุรพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนด้านชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์จึงยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้เร่งนำตัวเลขเด็กนักเรียนที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลชัดเจนแล้ว 78,897 คน เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขโดยเร็ว ด้วยความล่าช้าที่ผ่านมาทำให้เด็กนักเรียนเหล่านี้ ไม่สามารถเข้าถึงการมีสุขภาพที่ดี อันมีผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการเล่าเรียน ทั้งปัญหาโรคติดต่อและโรคระบาด ตลอดจนปัญหาภาระหนี้สินของโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดน
ด้านนายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการเข้าถึงสิทธิพื้นฐานด้านสาธารณสุขของทุกคน จะเร่งศึกษาและส่งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็ว.