ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายบรรเจิด สาริพัฒน์ นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายจารึก เพ็ชรคง ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวัดประดู่ และผู้นำท้องถิ่น ได้ลงพื้นที่ หมู่ที่ 2 ต.วัดประดู่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่ นายนรินทร์ บุญแก้ว ร้องเรียนโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในพื้นที่ได้ถมที่สาธารณะ และปรับสภาพลำห้วยขี้เรื้อนเดิม เป็นถนน อีกทั้งได้ร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งทางนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้มอบหมายให้ตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย ตัวแทนอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี สำนักงานที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เทศบาลตำบลวัดประดู่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว

 

 

 

นายบรรเจิด กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในเบื้องต้นพบว่า พื้นที่ถนนที่มีการปรับสภาพแล้วตามที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนนั้น เป็นพื้นที่ลำห้วยอยู่ก่อนหน้านี้จริง แต่ทั้งนี้คณะทำงานที่ได้รับการแต่งตั้งจะต้องเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร และการปรับพื้นที่ ที่ทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ได้อนุญาตให้ทางโครงการหมู่บ้านจัดสรรฯ ได้ปรับสภาพพื้นที่สมเหตุสมผลหรือไม่ มีข้อเท็จจริงในการปรับสภาพพื้นที่อย่างไร ซึ่งจะใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสาร หลักฐาน และข้อเท็จ และรายงานผลแล้วเสร็จภายใน 15 วัน พร้อมที่จะให้เป็นความธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

ด้านนายจารึก เจ้าของพื้นที่ และผู้อนุมัติให้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ลำห้วยขี้เรื้อน กล่าวว่า เดิมพื้นที่ประมาณ 150 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่มีการร้องเรียนนั้น เป็นลำห้วยขี้เรื้อน ซึ่งเป็นลำห้วยสาธารณะ ก่อนที่ตะกอนดินจากพื้นที่ด้านบนลงมาทับถมแปรสภาพ จนไม่เหลือสภาพลำห้วย และเป็นดินแดงทั้งหมด และเมื่อถึงฤดูฝน น้ำหลาก ก็จะนำพาตะกอนดินแดงไหลลงบนถนนโกเตง (ถนนสายบ้านท่ากูบ - บ้านดอนเกลี้ยง ) ซึ่งทางชาวบ้านได้ร้องขอไปยังเทศบาลตำบลวัดประดู่ก่อนปี 2560 ให้นำหินลูกรังมาปรับสภาพพื้นและได้เสนอไปยังเทศบาลฯ เพื่อให้เข้าแผนงบประมาณทำถนนให้ จนทางเทศบาลฯ ได้จัดทำแผนเป็นโครงการก่อสร้างถนนหินคลุกพร้อมวางท่อระบายน้ำเลียบลำห้วยขี้เรื้อน งบประมาณ 450,000 บาท จนกระทั้งเมื่อกลางปี 2561 ทางหมู่บ้านจัดสรรที่ก่อสร้างขึ้นใหม่ซึ่งอยู่บริเวณด้านในหลังพื้นที่ลำห้วยขี้เรือนที่แปรสภาพเป็นถนนลูกรัง ได้ขออนุญาตปรับปรุงภูมิทัศบริเวณลำห้วยขี้เรื้อนโดยการสร้างท้อระบายน้ำและบ่อพักน้ำ จึงได้อนุมัติตามหนังสือเลขที่ สฎ 54303/1029 ฉบับลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 เนื่องจากเห็นว่า การขออนุญาตปรับปรุงภูมิทัศน์นั้น ไม่ใช่ประโยชน์ของบุคคลใดบุคลหนึ่ง เป็นเพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน ซึ่งยืนยันว่าโครงการหมู่บ้านจัดสรรไม่ได้บุกรุกลำห้วยสาธารณะ แต่เป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ จากถนนลูกรังที่ทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ได้ปรับสภาพตามคำร้องขอให้แก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านมาก่อนแล้ว และทางโครงการหมู่บ้านจัดสรรฯ ได้มีการเทคอนกรีตคลุมผิวดินเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว นอกจากการวางท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ด้านใต้ผิวดินเดิม พร้อมส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวให้อยู่ในความรับผิดชอบดูแลของทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ เพื่อให้ประชาชนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์

ด้าน นายนรินทร์ บุญแก้ว อายุ 54 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ได้ร้องทุกข์ไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กล่าวว่า โครงการหมู่บ้านจัดสรร ได้จัดทำทางเข้าออกหมู่บ้านทับลำห้วยขี้เรื้อน ซึ่งเป็นลำห้วยสาธารณะ โดยการขอปรับปรุงภูมิทัศน์ ปลูกหญ้า ปลูกต้นไม้ แต่กลับทำคอนนกรีตทับลำห้วยขี้เรื้อนเพื่อเป็นทางเข้าหมู่บ้านซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ลุกล้ำลำห้วยสาธารณะ และนอกจากนั้น ตนเองได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากหมู่บ้านจัดสรรได้ปิดทางเข้าออก และเส้นทางภายในหมู่บ้านเป็นทางสาธารณะที่ใช้มาก่อนหน้านี้ จึงขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดเนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเองได้ร้องเรียนไปหลายหน่วยงานแต่ไม่ได้รับการแก้ไข

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังชาวบ้านในพื้นที่ใกล้บริเวณลำห้วยขี้เรื้อน พบกับ นางนันทา บุญแก้ว และชาวบ้านใกล้เคียง ซึ่งมีบ้านอยู่ในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามถนนของลำห้วยขี้เรื้อนที่ถูกเปลี่ยนสภาพ  และเป็นพื้นที่รองรับน้ำ กล่าวว่า เดิมพื้นที่ ประมาณ 150 เมตร ที่มีการเทคอนกรีตและปรับปรุงภูมิทัศน์นั้น เป็นพื้นที่ ที่มีสภาพเป็นลำห้วยจริง แต่เมื่อเวลาผ่านไป พื้นที่ด้านบนที่สูงได้มีการขุดดินขาย ทำให้สภาพลำห้วยเปลี่ยนเป็นถนนดินแดง และส่งผลกระทบเมื่อเกิดฝนตกหรือน้ำหลาก เกิดการชะล้างดินแดงลงพื้นถนนซอยโกเตง (ถนนสายบ้านท่ากูบ - บ้านดอนเกลี้ยง ) ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ในส่วนตัวมองว่า การที่โครงการหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าว ได้ทำการขออนุญาตทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ปรับปรุงภูมิทัศน์ วางท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ด้านใต้ผิวดิน และบ่อพักน้ำ รวมถึงเทพื้นคอนกรีตนั้น เป็นเรื่องที่ดี เพราะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำ ที่จะหลากลงมาจากพื้นที่ด้านบน ชะล้างดินแดงมาตามท้องถนนได้ จากเดิมที่ทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ได้เข้ามาปรับปรุงพื้นถนนเป็นดินลูกรังคลุกก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชุมชน และในส่วนของที่ดินที่โครงการหมู่บ้านจัดสรรฯ ได้ซื้อและก่อสร้าง คิดว่า น่าจะเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฏหมายทั้งหมด เพราะไม่เช่นนั้น คงไม่มีใครหรือผู้อนุญาต กล้าเซ็นอนุมัติให้ก่อสร้าง และเท่าที่ทราบ นายทุนโครงการหมู่บ้านจัดสรรฯ ดังกล่าวไม่เอาเปรียบชาวบ้านในพื้นที่ แม้กระทั่งญาติตนเองคนหนึ่งที่เคยมีขนำไม่มีน้ำไฟ อาศัยอยู่ในพื้นที่สาธารณะลำห้วยขี้เรื้อนด้านหน้าโครงการ ในพื้นที่ปรับปรุงภูมิทัศน์ ก็ได้รับการดูแลตอบแทนในการย้ายออกจากพื้นที่เกือบ 1 ล้านบาท เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่อาศัยมาก่อน