นายกฯ ย้ำมาตรการควบคุม COVID-19 เข้มงวด ขอปชช.เชื่อมั่น-ปฏิบัติตามคำแนะนำ สธ.
6 มี.ค. 2563, 18:07
วันนี้ ( 6 มี.ค.63 ) เวลา 15.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงมาตรการตรวจคัดกรองผู้เดินทาง จากประเทศกลุ่มเสี่ยง และประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจ ในรายการ Government Weekly สรุปประเด็น ดังนี้
ช่วงแรกนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โดยรัฐบาลได้มีมาตรการควบคุมที่เข้มข้นขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน ตั้งแต่การคัดกรอง ตรวจสอบ การเข้ารักษาที่มีมาตรฐานระดับสูง ทำให้สามารถควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่กระจายในประเทศ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีการตรวจสอบตั้งแต่ต้นทาง สนามบิน ท่าเรือ ชายแดน ด่านตรวจ จุดสกัดทุกด่าน โดยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ ในส่วนจังหวัดต่างๆ เข้ามาช่วยดูแล นอกจากนี้ได้มีการเตรียมมาตรการรองรับแรงงานไทยที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะแรงงานไทยจากประเทศเกาหลีใต้ ถือว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนไทยที่รัฐบาลต้องดูแล แต่ต้องไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่น โดยมีมาตรการต้นทาง กักกัน 14 วัน ก่อนเดินทาง และคัดกรองอีกครั้งก่อนออกนอกประเทศ ปลายทางเมื่อผู้ที่กลับจากพื้นที่เสี่ยงและประเทศกลุ่มเสี่ยง จะต้องถูกกักตัวในพื้นที่ควบคุมโรคไม่น้อยกว่า 14 วัน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคโควิด-19 ที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นศูนย์กลางการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ ชี้แจงข้อมูลข่าวสาร ขั้นตอนการเฝ้าระวังและป้องกันการติดเชื้อ รวมทั้งมาตรการบรรเทาผลกระทบและกระตุ้นเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรค ทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การเกษตร รวมถึงผู้มีรายได้น้อย โดยแบ่งมาตรการออกเป็น 2 ส่วนคือ 1. มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ 2. มาตรการการเงินการคลังของรัฐ เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือจากส่วนราชการให้ระงับหรือเลื่อนการเดินทางไปประชุม ศึกษาดูงาน ในประเทศที่มีการระบาด ให้ข้าราชการที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงสังเกตอาการและทำงานที่บ้าน 14 วัน และขอความร่วมมือจากเอกชนหลีกเลี่ยงหรือเลื่อนกิจกรรมที่มีประชาชนรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เช่น การแข่งขันกีฬา การจัดคอนเสิร์ต และมหรสพต่าง ๆ เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19
ขณะเดียวกันรัฐบาลได้บริหารจัดการหน้ากากอนามัย เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลน โดยเข้ามาดูแลตั้งแต่การผลิต การกระจาย การส่งออก การจับกุมผู้ฝ่าฝืนที่จำหน่ายเกินราคา สนับสนุนผู้ผลิต ซึ่งพบว่ามีการขาดแคลนวัตถุดิบจากประเทศต้นทางจึงได้มีการส่งเสริมให้ผลิตหน้ากากอนามัยทางเลือก สำหรับบุคคลทั่วไปที่สุขภาพปกติใช้ป้องกันตนเองและลดปริมาณขยะ
ระหว่างดำเนินรายการ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเตือนถึงการเสนอข่าวที่เกินกว่าความจริง ที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก โดยย้ำให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้อง ตามข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้เกิดการสร้างความรับรู้ที่ผิดซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อด้านอื่น ๆ ของประเทศได้