"นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี" ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โครงการหมู่บ้านโต้ไม่ได้รุกล้ำลำห้วย
7 มี.ค. 2563, 09:38
จากกรณีนายบรรเจิด สาริพัฒน์ นายอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ได้ลงพื้นที่หมู่ที่ 2 ต.วัดประดู่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนายนรินทร์ บุญแก้ว ได้ร้องเรียน ว่าโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในพื้นที่ได้ปรับสภาพลำห้วยขี้เรื้อนให้เป็นถนน พร้อมร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งทางนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้มอบหมายให้ตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย ตัวแทนอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี สำนักงานที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เทศบาลตำบลวัดประดู่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง
โดยเบื้องต้นพบว่าพื้นที่ดังกล่าว เคยเป็นลำห้วยสาธารณะ ก่อนจะแปรสภาพการทับถมของดินที่ไหลลงมาจากด้านบนจนสิ้นสภาพล้ำห้วย เป็นทางถนนและทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ได้มีโครงการก่อสร้างถนนหินคลุกวางท่อระบายน้ำ หลังจากชาวบ้านได้ร้องขอเนื่องจากได้รับความเดือดร้อน เมื่อเกิดฝนตกน้ำหลากชะล้างดินแดงลงพื้นถนนซอยโกเตง ก่อนที่โครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ได้ขออนุญาตปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยการวางท้อ ระบายน้ำ และมีการเทพื้นคอนกรีดเพิ่มก่อนส่งมอบให้ทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ดูเพื่อสาธารณะประโยชน์ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ด้านนายพีรศักดิ์ กุลถี เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ที่ถูกร้องเรียน กล่าวขอความเป็นธรรมในการนำเสนอข่าวสาร และขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า สำหรับกรณีทั้งหมด โครงการฯ ได้เข้าจัดซื้อที่ดินที่เป็นเอกสารสิทธิ์ น.ส. 3 ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด โดยมีนายนรินทร์ บุญแก้ว หนึ่งในผู้ร้องเรียน เป็นนายหน้าในการจัดหาที่ดิน ชี้แนวเขต และเคลียร์เรื่องที่ดินแปลงต่างๆทั้งหมด จนได้จัดซื้อที่ดินแปลงต่างๆที่มีสภาพเป็นบ่อดินเก่าที่มีเอกสารสิทธิ์ มาพัฒนาขึ้นแบบ ยื่นขออนุญาตจัดสรรภายใต้กฎหมายจัดสรรที่ดินทั้งหมด ซึ่งทางเข้าของโครงการตามแบบโครงการหมู่บ้าน จะมี 2 ทาง คือทางด้านซ้าย และด้านขวา โดยทางด้านขวาที่เปิดใช้แล้วในปัจจุบันนั้น ก่อนที่จะเข้ามาจัดสรรที่ดินสร้างหมู่บ้าน พื้นที่ดังกล่าวที่เรียกว่าห้วยขี้เรื้อนมีสภาพเป็นถนนดินลูกรัง ไม่มีลักษณะเป็นห้วย และเมื่อเกิดฝนตก น้ำจากด้านบนที่สูงจะไหลลงมาพัดพาเศษดินไปบนผิวถนนซอยโกเตง (ถนนสายบ้านท่ากูบ - บ้านดอนเกลี้ยง ) และมีหลุมขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าก่อนจะข้ามไปอีกฝั่งถนน และเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง ทางโครงการฯ จึงได้สอบถามไปยังเทศบาลตำบลวัดประดู่ ในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ซึ่งทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ได้แจ้งว่า มีแผนจะพัฒนาบริเวณดังกล่าวอยู่แล้วแต่ยังขาดงบประมาณ ทางโครงการฯ จึงได้เสนอขออนุญาตปรับปรุง และจัดทำวางท้อระบายน้ำขนาดใหญ่ ปรับปรุงภูมิทัศน์ ตามแบบที่เสนอขออนุญาต แต่เนื่องจากไม่ได้ระบุวัสดุคลุมผิวไว้ในแบบ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาระยะยาวไม่ให้น้ำไหลลงมากระทบผิวดิน และไหลลงทางสาธารณะสัญจรจึงได้ทำผิวคอนกรีตคลุมผิวดิน และขออนุญาต อบจ.สุราษฎร์ธานีทำบ่อพักน้ำ รวมงบประมาณของโครงการทั้งหมด จำนวน 3,800,000 บาท ก่อนส่งมอบให้กับทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ ครอบครองและดูแล ซึ่งการนำเสนอข่าวของสื่อแห่งหนึ่ง ที่อ้างว่าโครงการฯ ได้ลุกล้ำลำห้วยนั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง และขอความเป็นธรรมในการตรวจสอบเอกสาร และนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง เนื่องจากกรณีดังกล่าวทำให้เกิดความเสียหาย
นายพีรศักดิ์ กล่าวต่อว่า โครงการฯ ได้เข้าจัดซื้อที่ดิน เพื่อก่อสร้างหมู่บ้านจำนวน 127 หลังคาเรือน ปัจจุบันมีผู้ครอบครองและพักอาศัยแล้วเกือบ 100 หลังคาเรือน จำนวนกว่า 400 คน ซึ่งหลังจากทำการซื้อที่ดินและจัดสรรสร้างหมู่บ้านได้ประมาณ 1 ปีนายนรินทร์ บุญแก้ว ได้จัดซื้อที่ดินบริเวณด้านหลังติดกับโครงการ มาจำนวน 1 แปลง ราคาประมาณ 1 ล้านบาทเศษ และนำเสนอขายให้กับทางโครงการฯ จำนวน 4.5ล้านบาท แต่ทางโครงการฯ ไม่สามารถซื้อเพื่อนำมาจัดสรรขึ้นแปลนสร้างหมู่บ้านได้ เนื่องจากที่ดินดังกล่าวไม่มีโฉนดเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย และหลังจากนั้น ทางนายนรินทร์ ได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ก่อนที่จะทำป้ายข้อความ ออกสื่อแห่งหนึ่ง จนคลาดเคลื่อนจากข้อเท้จจริงและได้รับความเสียหาย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่เทศบาลตำบลวัดประดู่ พบ นายจารึก เพ็ชรคง ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวัดประดู่ เพื่อติดตามเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ในกรณีลำห้วยขี้เรื้อน และขอตรวจสอบเองสารที่ทางเทศบาลแจ้งว่า ได้มีโครงการนำหินคลุกลงบนพื้นที่ห้วยขี้เรื้อนเนื่องจากชาวบ้านร้องขอ และต่อมาทางโครงการบ้านจัดสรรฯ ได้มีการขออนุญาตปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณดังกล่าว
จากการตรวจสอบ พบเอกสารในการ ขอปรับปรุงท่อน้ำทิ้งสาธารณะ เอกสารขอปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณห้วยขี้เรื้อน หนังสือเลขที่ คำขอ012/2561 ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2561 และทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ได้มีหนังสืออนุญาตเลขที่ สฎ.54303/1029 ฉบับลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 เลขที่ สฎ.54303/1428 ลงวันที่ 21 กันยายน 2561 และพบหนังสือส่งมอบการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณลำห้วยขี้เรื้อน ที่ทางโครงการฯ ได้ส่งมอบทรัพย์ งบประมาณ ก่อสร้าง จำนวน 3,800,000 บาท ให้ทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ เป็นผู้รับผิดชอบดูแลให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์ต่อไป พร้อมแจ้งในเอกสารว่าจากแบบที่ได้รับอนุญาตไปไม่ได้ระบุวัสดุคลุมผิวไว้ในแบบ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาระยะยาวไม่ให้น้ำไหลลงกระทบผิวดินและลงทางสาธารณะจึงได้ทำผิวคอรกรีตคลุมผิวดิน
เมื่อสอบถามนายจารึก เพ็ชรคง ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวัดประดู่ ถึงเอกสารที่ทางชาวบ้านได้ร้องขอให้มีไปยังเทศบาลตำบลวัดประดู่ก่อนปี 2560 ให้นำหินลูกรังมาปรับสภาพพื้น ก่อนที่เทศบาลฯ จะเสนอเข้าแผนปีงบประมาณปรากฎว่าขณะนี้อาคารสำนักงานเทศบาลฯ อยู่ในช่วงระหว่างการปรับปรุงจึงยังไม่สามารถดูเอกสารได้ แต่พบ เอกสารบางส่วนที่ระบุว่าทางเทศบาลตำบลวัดประดู่ มีโครงการก่อสร้างถนนหินคลุกพร้อมวางท่อระบายน้ำเลียบลำห้วยขี้เรื้อน งบประมาณ 450,000 บาทมาก่อนจะมีการขออนุญาตปรับปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณดังกล่าว ซึ่งทางด้านนายจารึก เพ็ชรคง ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวัดประดู่ ยืนยันกับทางทีมข่าวว่า ตั้งแต่ตนเองมารับตำแหน่งปฏิบัติหน้ารีก็พบว่า สภาพพื้นที่ลำห้วยขี้เรื้อนไม่เหลือสภาพลำห้วย เป็นถนนดินแดงที่มีการทำบ่อดินด้านบนพื้นที่ และตะกอนดินลงมาทับถม จนต้องมีการพัฒนา ซึ่งหลังจากนี้ที่ทาง นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานีให้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงคาดว่าเรื่องร้องเรียนทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายใน 15 วัน