เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. วันที่ 8 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นาวาเอก ธัญญ์นิธิ แก้วเวียงเดชณรัฐ รอง ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดประจวบฯ (ศลชล.ปข.) นาวาเอกไกรพิชญ์ กรวีร์ปภาวิทย์ หน.ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดาบตำรวจกฤษ เพิ่มสุข ผบ.หมู่ สถานีตำรวจน้ำบางสะพาน นำเจ้าหน้าที่ศูนย์ปีโป้ (PIPO) พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบ สำนักงานจัดหางานจังหวัดประจวบ สำนักงานประมงจังหวัดประจวบ ร่วมกันสอบสวน นายนพโรจน์ สุรพงษ์วิชญ์ อายุ 58 ปี ไต๋เรือ พร้อมลูกเรือประมงพงษ์สมบัติ 5 อีกประมาณ 10 คน ถึงสาเหตุการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของ นายจงจินต์ ไขเขว้า อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 12 ตำบลตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นลูกเรือประมงชาวไทยที่ทำงานเป็นตังเกอยู่ภายในเรือพงษ์สมบัติ 5 แล้วเกิดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในระหว่างล่องเรือจับปลาอยู่กลางทะเลอ่าวไทยบริเวณน่านน้ำของอ่าวประจวบห่างจากฝั่งประมาณ 7 ไมล์ทะเล

นายนพโรจน์ สุรพงษ์วิชญ์ อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นไต๋เรือ เปิดเผยว่า ตนได้รับอนุญาตให้ออกทำการประมงอวนลากตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 63 ที่ผ่านมา และทำการลากอวนจับปลาอยู่ในทะเลตามหมายจุดต่างๆ บริเวณน่านน้ำหน้าประจวบ โดยช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะเรือกำลังลากอวนครบ 6 ชั่วโมง จึงได้กดกริ่งปลุกให้ลูกเรือลุกขึ้นมาประจำตำแหน่งเพื่อเก็บกู้อวน และคัดแยกปลาตามปกติ แต่ปรากฏว่า มาทำงานไม่ครบหายตัวไป 1 คน คือ นายจงจินต์ ไขเขว้า อายุ 25 ปี ลูกเรือชาวไทย จึงได้นำไฟฉายไปส่องตามหาทั้งในเรือ และในน้ำแต่ก็ไม่พบตัว หลังจากเก็บกูอวนเสร็จแล้วจึงได้ล่องเรือออกตามหาบริเวณร่องน้ำอีกครั้งแต่ก็ไม่พบ จึงได้ประชาสัมพันธ์บอกฝากเรือประมงลำอื่นๆ หากพบศพขอให้ช่วยนำพากลับมาให้ด้วย

ซึ่งจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ศรชล.ประจวบ จากไต๋เรือและลูกเรือประมงทั้งหมดต่างให้การเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่รู้ว่า นายจงจินต์ หายตัวไปไหน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต่างนอนพักผ่อน ส่วน นายจงจินต์ ได้นอนพักอยู่บริเวณท้ายเรือ แต่พอทุกคนตื่นขึ้นมาทำงานตามหน้าที่ก็ไม่มีใครพบ นายจงจินต์ แล้ว ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ ศรชล. รู้สึกสงสัยและแปลกประหลาดใจมากที่เรือลำนี้เพียงลำเดียวเกิดเหตุลูกเรือหายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย 3 ครั้งติดกันภายในเวลา 3 เดือน และไม่เคยพบศพสักครั้ง เป็นลูกเรือชาวต่างชาติ 2 ราย และล่าสุดเป็นลูกเรือประมงไทย 1 ราย เมื่อเทียบกับเรือประมงลำอื่นๆ ในประจวบนับ 1,000 ลำ

 

 

 

ด้าน นายเอกลักษณ์ สมบัติศิริ อายุ 36 ปี ลูกชายเจ้าของเรือ และเป็น ผจก.เรือพงษ์สมบัติ 5 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองรู้สึกเสียใจ และรู้สึกแปลกใจเช่นกันที่ลูกเรือประมงของตนลำนี้หายไร้ร่องรอยบ่อยครั้ง เมื่อเทียบกับเรือประมงลำอื่นๆ ในบริษัทเดียวกันมีลูกเรือสูญหายอยู่เพียงแค่ลำเดียว จึงมีความเชื่อว่าอาจจะเกี่ยวกับเรื่องอาถรรพ์อะไรภายในเรือสักอย่าง ซึ่งที่ผ่านมาก่อนนำเรือลงน้ำก็จะมีพิธีทำบุญบวงสรวงเรือทุกครั้ง จึงมีแนวคิดว่าอาจจะต้องยกเรือขึ้นประกอบพิธีทำบุญอีกสักครั้งตามความเชื่อ เพื่อความเป็นสิริมงคลและแก้อาถรรพ์เรือ โดยหลังจากนี้จะได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจไว้ที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ต่อไป