วันนี้ ( 9 มี.ค.63 )​ เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุม 1 ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2)​ มอบนโยบายตามมาตรการและการเฝ้าระวังการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมีนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง 16 อำเภอ เข้าร่วมรับมอบนโยบาย จำนวนกว่า 200 คน

นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กระทรวงมหาดไทย ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ในการทำหน้ากากอนามัยทางเลือกเพื่อป้องกันตนเองสำหรับประชาชน โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลางจำนวน 225 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ในการจัดทำหน้ากากอนามัยทางเลือกให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 50 ล้านชิ้น โดยประชาชนทุกครัวเรือนสามารถช่วยกันผลิตเพื่อใช้เอง ซึ่งหน้ากากอนามัยดังกล่าว สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยต้องหมั่นซักทำความสะอาดอยู่เสมอ จะช่วยแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอ อีกทั้งเป็นการป้องกันโรคได้ เพราะเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และขณะนี้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งการส่งออก และการกักตุน จึงต้องมีการแจ้งต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ต้องจำหน่ายไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาท หากพบการจำหน่ายเกินราคาจะมีความผิดทางกฎหมาย

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ไม่เผยแพร่ หรือแชร์ส่งต่อข้อมูลข่าวลือ เพื่อป้องกันข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์ ที่อาจทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน ป้องกันการตื่นตระหนก และขอยืนยันว่ารัฐบาลยังควบคุมสถานการณ์ของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในระยะ 2 ได้ ไทยยังไม่เข้าสู่การระบาดในระยะที่ 3 และย้ำว่ารัฐบาลจะดูแลการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้ดีที่สุดอย่างใกล้ชิด

รมช.มท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้เน้นย้ำให้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งให้ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตนเองด้วยความตระหนัก ไม่ตื่นตระหนก พร้อมให้ความรู้ในการอบรมวิธีการทำหน้ากากอนามัยทางเลือก ที่ทำด้วยผ้าตัดเย็บด้วยฝีมือแม่บ้านของหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในระดับต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล และขอให้มีการแจกจ่ายหน้ากากทางเลือกแก่พี่น้องประชาชนในทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างทั่วถึงครอบคลุมทุกครัวเรือนด้วย นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตามช่องทางการเข้า-ออกสัญจรของประชาชน อย่างเช่น ด่านชายแดน หรือสถานที่ที่มีการติดต่อของผู้คนจำนวนมาก ให้มีการเฝ้าระวังตามข้อปฏิบัติของการประกาศกระทรวงสาธารณสุข เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID 19) พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดฯดังกล่าวด้วย