เกิดไฟป่า "เมียนมา" โหมกระหน่ำลุกลามข้ามแดนไทย จนท.เร่งควบคุมก่อนเผาผลานพืชไร่ชายแดนตะนาวศรี
12 มี.ค. 2563, 09:04
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2563 นายวิโรจน์ ชูแก้ว ปลัดอำเภอ รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากนายคณะพจน์ สายสกล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านเนินแก้ว ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบฯ ว่า เกิดเหตุไฟป่าจากประเทศเมียนมาลุกลามข้ามฝั่งมายังแนวชายแดนไทยบนเทือกเขาตะนาวศรี จำนวน 2 จุด บริเวณช่องเขาหลัก และช่องหุบตาวัน ซึ่งเกรงว่าจะลุกลามเป็นวงกว้างจนสร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านเกษตรกรชายแดนบ้านเนินแก้ว หมู่ 5 ตำบลอ่าวน้อย ซึ่งปลูกพืชสวนยางพารา และพืชไร่สับปะรด
หลังได้รับแจ้งจึงได้ประสานขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่ากุยบุรี-ห้วยยาง จำนวน 13 คน นำโดยนายวัฒนศักดิ์ ทองรักษ์ทอง หน.สถานีควบคุมไฟป่ากุยบุรี-ห้วยยาง พร้อมกับมอบหมายให้นายณัฐวุฒิ จันทร์แก้ว ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองนำกำลังเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน(อส.) อำเภอเมืองประจวบฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่า ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกันดับไฟ
โดยเมื่อไปถึงบริเวณจุดเกิดเหตุพบว่า ไฟป่าซึ่งลุกลามมาจากฝั่งประเทศเมียนมากำลังลุกไหม้ ใบไม้ และหญ้าแห้งบริเวณยอดเขาสูงแนวเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งกั้นพรมแดนระหว่างไทยกับเมียนมา และอยู่ห่างจากที่ราบเชิงเขาที่ชาวบ้านทำการเกษตรประมาณ 2 กิโลเมตร โดยบริเวณแนวเขาพบมีควันไฟปกคลุมเป็นจำนวนมาก และรถน้ำดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปถึงได้ เจ้าหน้าที่จึงใช้วิธีเดินเท้าเข้าไปดับไฟในป่า ด้วยวิธีการใช้เครื่องพ่นเป่าลม คราด และอุปกรณ์สำหรับทำแนวกันไฟ ใช้เวลาเดินทางเท้าประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง จึงจะถึงจุดที่ไฟกำลังลุกไหม้ โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงในการทำแนวกันไฟแต่ก็สามารถควบคุมไฟไว้ได้ในระดับหนึ่ง มีพื้นที่ความเสียหายประมาณ 50 ไร่เศษ นอกจากนี้ยังทำให้เจ้าหน้าที่อุทยานเกิดอาการ Heat Stroke ช็อคต้องหยุดพักแล้วทำการปฐมพยาบาลไป 1 นาย
โดยสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้สืบเนื่องจากฝั่งประเทศเมียนมาได้เกิดเหตุไฟป่าขึ้นที่บริเวณหมู่บ้านมูด่อง อำเภอตะนาวศรี จังหวัดมะริด แล้วลุกลามตามกระแสแรงลมข้ามมายังฝั่งไทยบริเวณแนวเทือกเขาตะนาวศรี เขตจังหวัดประจวบฯ ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมเพลิงได้ระดับหนึ่งเพียงจุดเดียว เนื่องจากมีอุปสรรคในการเดินเท้าดับไฟ เพราะเป็นหน้าผาหินสูงชันส่วนอีก 1 จุด อยู่ในป่าลึกห่างไกลยังไม่สามารถเดินทางเข้าถึงได้ เนื่องจากใกล้จะมืดแล้วจึงได้ถอนกำลังกลับเพื่อมาเฝ้าระวังสถานการณ์ แล้วเตรียมวางแผนเข้าพื้นที่ไปดับไฟอีกครั้งในวันถัดไป
นายคณะพจน์ สายสกล ผู้ใหญ่บ้านเนินแก้ว เปิดเผยว่า ตนเองได้เฝ้าระวังสถานการณ์มาตลอด เนื่องจากฝั่งประเทศเมียนมาบริเวณหมู่บ้านมูด่องได้เกิดเหตุไฟป่ามาแล้วประมาณ 4 วัน จนมาถึงวันนี้มีกระแสลมแรงทำให้เปลวไฟลุกลามอย่างรวดเร็วจนข้ามมาถึงแนวเทือกเขาตะนาวศรีฝั่งจังหวัดประจวบฯ จึงประเมินสถานการณ์ว่าถ้าไม่ควบคุมไฟคงลุกลามข้ามมาสร้างความเสียหายให้แก่พืชไร่ของชาวบ้านในพื้นที่แน่นอน จึงได้ประสานไปยังอำเภอเมืองประจวบฯ ให้ช่วยติดต่อเจ้าหน้าที่มาช่วยดับไฟป่าดังกล่าว
นายวัฒนศักดิ์ ทองรักษ์ทอง หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่ากุยบุรี-ห้วยยาง เปิดเผยว่า สถานการณ์ในขณะนี้พื้นที่ป่ามีความเสียหายประมาณ 50 ไร่เศษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้วิธีการควบคุมเพลิงโดยการใช้เครื่องพ่นเป่าลมทำแนวกันไฟเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เปลวไฟลุกลามขยายเป็นวงกว้าง เนื่องจากพื้นที่นี้มีเชื้อเพลิงอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะพื้นที่ป่าแห่งนี้ไม่เคยถูกไฟเผาไหม้มาหลายสิบปีแล้ว ซึ่งสถานการณ์ไฟไหม้บนที่สูงแบบนี้จะต้องใช้วิธีเดินเท้าเข้าไปดับไฟเท่านั้น แต่จะมีอุปสรรค คือ พื้นที่เป็นป่ารก เดินทางไกล และเป็นหน้าผาสูงชัน ทำให้ยากลำบากต่อการทำแนวกันไฟ