วันที่ 13 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ได้รับเรื่องร้องเรียน ผ่านสายด่วน 1569 ว่ามีผู้ประกอบการร้านแห่งหนึ่งซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเครื่องสำอางและอาหารเสริมชื่อดังในเมืองสุรินทร์ ขายสินค้าหน้ากากอนามัยราคาสูงเกินจริง โดยแบ่งขายในราคาชิ้นละ 20 บาท จึงร่วมกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ทำการล่อซื้อ และเข้าเข้าแสดงตัวเพื่อจับกุม โดยเจ้าหน้าที่มีการถ่ายสำเนาธนบัตรใบละ 1,000 บาท แจ้งความไว้ สภ.เมืองสุรินทร์ หลังจากนั้นให้สายที่ทำการล่อซื้อ จำนวน 1 กล่อง โดยพนักงานร้านขายในราคา 800 บาท ได้มีผู้ชายแสดงตัวเป็นเจ้าของรับเงินล่อซื้อไปเก็บในอีกลิ้นชัก

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เดินทางเข้าไปยังร้านดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ริมคลอง ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นร้านขายเครื่องสำอาง เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อจับกุมและดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาขายสินค้าหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินควร มีความผิดตามมาตรา 29 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษ จำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงนำส่งผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ ดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบถาม นายภัทรกร หรือ บอส เจ้าของร้านบอกว่า ได้มีพ่อค้าเร่ถือสินค้าเข้ามาเสนอขายกับตนถึงในร้าน โดยเสนอขายกล่อง 50 ชิ้น ในราคา 750 บาท และบอกว่ามีอยู่ 6-7 กล่อง ตนเห็นว่าเป็นสินค้าที่กำลังมีความต้องการเลยรับซื้อไว้ทั้งหมด และนำมาขายหน้าร้านในราคากล่องละ 800 บาท และจำหน่ายปลีกชิ้นละ 20 บาท โดยรู้ไม่เท่าทัน เมื่อมีผู้ร้องเรียนไปยังสายด่วน 1569 และถูกเจ้าหน้าที่เข้าทำการล่อซื้อและจับกุมดังกล่าว

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ จึงฝากถึงผู้ประกอบการร้านค้าหรือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต่างๆ ที่จะจำหน่ายหน้ากากอนามัย ห้ามฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าเกินราคาหรือมีการกักตุน และให้ระวังพ่อค้าเร่ที่จะนำสินค้าหน้ากากอนามัยไปเสนอขายส่งในราคาสูงทำให้เมื่อนำไปขายต่อทำให้สินค้ามีราคาสูงเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดและอาจทำให้ถูกจับปรับดำเนินคดี แต่สามารถแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของพ่อค้าเร่ประเภทนี้เพื่อที่จะได้ติดตามจับกุมการกระทำผิดต่อไปได้