เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



แรงงานสาวไทยกลับจากเกาหลี กักตัวที่บ้าน เหลืออีก 6 วันครบกำหนด ไร้อาการ-เตรียมกอดแม่


15 มี.ค. 2563, 10:04



แรงงานสาวไทยกลับจากเกาหลี กักตัวที่บ้าน เหลืออีก 6 วันครบกำหนด ไร้อาการ-เตรียมกอดแม่




ผู้สื่อข่าวรายงานถึงตัวเลขจากรายงานเฝ้าระวังโรคติดเชื้อโคโรน่า 2019 ศูนย์ปฏิบัติการณ์โต้ตอบภาวะฉุกเฉิน สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี สรุปตัวเลขแรงงานที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงของ จ.อุดรธานี เพื่อกักตัวเองที่บ้าน 14 วัน ถึงขณะนี้มีผู้เดินทางกลับ รวม 1,212 คน ครบระยะกักตัวเองครบ 14 วันแล้ว 532 คน ยังไม่ครบ 680 คน เข้าเกณฑ์ตรวจเสมหะหาเชื้อ 62 คน รู้ผลแล้วไม่พบเชื้อ 60 คน รอผลตรวจ 2 คน ผู้ป่วยยืนยัน 0 คน

 

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในเขต อ.เพ็ญ ซึ่งที่หมู่บ้านแห่งนี้มีแรงงานที่ไปทำงานที่ประเทศเกาหลี เดินทางกลับมาถึง 2 คน โดยคนแรกเป็นหญิง ที่เดินทางกลับมา แล้วไปกักตัวอยู่ที่ ศูนย์กักกันผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงโรคโควิด 19 อุดรธานี ที่ กก.ตชด.24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน ก่อนที่จังหวัดจะปิดศูนย์ฯแห่งนี้ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา

 

 

ส่วนอีกรายเป็นชาย ที่เพิ่งเดินทางมาจาก ศูนย์กักกันโรค ที่อ่าวดงตาล ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี ที่เดินทางมาถึง จุดพักและบริการบุคคลที่เดินทางทางมากจากประเทศพื้นที่เสี่ยง ก่อนที่จะกระจายเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาของตนเอง ที่กองร้อย อส.จ.อุดรธานี ที่เพิ่งกักตัวเองที่บ้านได้เพียง 1 คืน ซึ่งแรงงานทั้ง 2 คน เป็นญาติพี่น้องกัน ที่อาศัยบ้านของตัวเองเป็นที่กักตัวเอง ขณะที่คนในบ้าน ได้ย้ายออกไปอยู่บ้านญาติพี่น้อง ที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน

 

 

โดยบ้านทั้ง 2 หลังที่อยู่ติดกัน นำป้ายเขียนข้อความติดไว้ที่หน้าบ้านว่า “บ้านหลังนี้กลับจากเกาหลี ถึงบ่แม่นผีน้อยก็กักตัวคือเก่า เพื่อความปลอดภัยต่อครอบครัวและสังคม ครบ 14 วัน มื้อใด๋ค่อยพ้อกันเด้อครับ มีธุระติดต่อมาได้ Tel 09XXXXXXXX ขอบคุณครับ” ส่วนอีกหลังติดป้ายข้อความที่หน้าบ้านเช่นกันว่า “บ้านนี้กลับจากเกาหลี อย่าฟ้าวมาถามกินเหล้ากับลาบเด้อ ให้กักตัวครบ 14 มื้อก่อน มีหยังก็ให้โทรมานี้เด้อ 06XXXXXXXX ขอบคุณจ้า” โดยมีนางเอ นามสมมุติ ที่เป็นพี่สาวของแรงงานหญิง และเป็นภรรยาของแรงงานชาย ที่เป็นผู้คอยดูแล สอบถามอาการ และมาสอบถามว่า อาหารมื้อเย็นว่าทั้ง 2 คน อยากจะกินอะไร

 

 

 

 

 

 

 

 

 



น.ส.เอ นามสมมุติ แรงงานหญิง ที่กักตัวเองอยู่ เปิดเผยว่า วันนี้มากักตัวเองอยู่ที่บ้านเป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตั้งแต่กลับมาจากเกาหลี ก็ถูกกักตัวที่สนามบิน แล้วเขาก็นำตัวมาส่งที่ค่ายที่อุดรธานี อยู่ที่นั่น 4 คืน 5 วัน รวมกักตัวเองได้ 8 วันแล้ว ซึ่งตอนนี้เหลืออีก 6 วัน ก็ตื่นเต้น รอลุ้นอยู่ว่าจะมีอะไรหรือไม่ ซึ่งมาอยู่แบบนี้เราก็ทำตามคำแนะนำตลอด ทั้งวัดไข้ตอนเช้า ไม่ออกไปสัมผัสผู้คน และช่วงตั้งแต่กักตัวมายังไม่มีอาการไข้หรืออาการอื่นแต่อย่างใด และเมื่อกลับมากักตัวเองที่บ้าน ได้ปิดป้ายเอาไว้ที่หน้าบ้าน เพราะอยากให้คนภายนอกรู้ กลัวเขาจะเข้ามาหาในบ้าน เพราะถึงตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าเราจะเป็นหรือไม่เป็นโรค เป็นการป้องกันไว้ก่อน

 

 

“เรามากักตัวอยู่ที่บ้านไม่ได้ไหไหน แต่ก็ไม่อึดอัด เพราะว่าเป็นบ้านของตัวเอง ซึ่งพ่อแม่ญาติลูก ยอมย้ายไปอยู่ที่อื่นให้เราได้อยู่ที่บ้าน เพื่อให้เราได้อยู่อย่างสบาย และเพื่อความปลอดภัยด้วย คิดว่าทำแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ดี ส่วนเพื่อนบ้านและคนในหมู่บ้าน ก็มีมาถามข่าวบ้าง แต่ก็ไม่มีใครที่จะมาตั้งแง่รังเกียจ เพราะว่าเขาเข้าใจว่า เชื้อมันก็ไม่ได้ติดกันง่าย ส่วนตอนกลางวันกักตัวอยู่บ้าน ก็จะดูหนัง ฟังเพลง เล่นโทรศัพท์คุยกับเพื่อนไปก็ทำให้เราที่กักตัวอยู่คนเดียวไม่เหงา ไม่คิดมาก”

 

 

แรงงานหญิงคนนี้ บอกด้วยว่า หลังครบ 14 วันที่กักตัวเองแล้ว สิ่งแรกที่จะทำ คือ จะกอดแม่ให้สุขอย่างหนำใจ และขอฝากไปถึงแรงงานที่กลับบ้านกักตัวเอง อย่าไปซีเรียสไม่ต้องคิดมาก ที่เขาให้ทำแบบนี้มันก็ดีแล้ว เป็นผลดีกับคนในครอบครัวของเรา กับคนที่เรารักด้วย เพราะตัวเราเองก็ไม่รู้ว่าจะติดโรคนี้มาหรือไม่ รวมทั้งคนรอบข้างคนในหมู่บ้านได้สบายใจ แต่ก็มีบางที่คนเขาไม่พอใจโวยวายว่า ทำไมต้องมากักตัวด้วย ทำไมต้องเรื่องมาก ก็อยากให้เขาคิดถึงคนในครอบครัวให้มากด้วย ว่าทำอย่างนี้ก็ดีแล้ว เพื่อความปลอดภัยของทุกคน

 

 

ด้านแรงงานชาย นายน้อย นามสมมุติ ที่กักตัวเองที่บ้านเช่นกัน เปิดเผยว่า เพิ่มมากักตัวเองที่บ้านเมื่อคืนนี้เป็นคืนแรกตอนนี้สบายดี โดนทางบ้านได้จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้แล้ว โดยภรรยาของตนก็ไปอาศัยอยู่บ้านญาติพี่น้อง การมากักตัวแบบนี้ตนอยู่ได้สบายมาก เหลือเวลาอีก 9 วันก็จะครบกำหนด 14 วัน ซึ่งน้องภรรยาที่กักตัวอยู่บ้านติดกันเขาพ้นกำหนดกักตัวก่อน แต่มันก็ไม่ได้สบายเหมือนเดิม คือเราจะออกไปไหนมาไหนไม่ได้ แต่ก็อยู่ได้เพราะเหลืออีก 9 วัน ซึ่งตอนนี้เราก็ทำตามคำแนะนำของหมอที่แนะนำทุกขั้นตอน ก่อนส่งตัวมาบ้าน และก็ไม่มีไข้อะไร และก็มี อสม.ที่เขาจะเข้ามาดูแลจนครบกำหนดกักตัว

 

 

 

 

 


ส่วน นางบี นามสมมุติ ภรรยานายน้อย และเป็นพี่สาวของ น.ส.เอ แรงงานเกาหลีที่กักตัวเองที่บ้าน เปิดเผยว่า ตนมีหน้าที่ดูและทั้งน้องสาว และสามี ที่มากักตัวที่บ้าน โดยตอนเช้าทำอาหารอีสานมาให้กิน ส่วนการที่ต้องมาดูแลคนในครอบครัวที่มากักตัวถึง 2 คน เรื่องนี้เราไม่หนักใจ โดยก่อนหน้าเมื่อทราบว่าทั้งน้องสาวและสามีจะกลับมากักตัว ก็ย้ายพ่อไปอยู่ที่กระท่อมนา แม่ไปอยู่บ้านน้องสะใภ้ ซึ่งทุกคนเขาใจ ถึงอยากจะมากอดลูกก็ต้องรอให้พ้นกำหนด 14 วันก่อน ไม่ได้หนักใจอะไรที่ต้องดูแลคนถึง 2 คน ส่วนเพื่อบ้านเราก็บอกเขาว่า เชื้อโรคนี้มันไมได้ติดกันง่าย ๆ มันจะติดต่อด้วยการสัมผัส แล้วก็น้ำลาย น้ำมูก ถ้าเราไม่ไปสัมผัสโดยตรงก็ไม่เป็นไร ก็ให้อยู่ห่าง ๆ กันไว้ ซึ่งเป็นความรู้จากเจ้าหน้าที่ที่แนะนำมา

 

 

“ทราบว่าวันนี้ก็จะมีแรงงานคนบ้านนี้ที่มาจากไต้หวัน ก็จะกลับมาบ้านมากักตัวอีก ซึ่งคนในหมู่บ้านเราเขาเข้าใจ ไม่มีใครที่จะมาต่อต้านเป็นโชคดีของบ้านเรา ส่วนหลังจากที่สามีและน้องสาวพ้นกำหนดกักตัว ยังไม่ได้คิดว่าจะพากันไปไหน เพราะเขาบอกว่าถถภึงพ้น 14 วันไปแล้ว ก็อย่าเพิ่งไว้ใจ ก็คงต้องดูอาการต่อไปอีกเรื่อย ๆ และหากจะไปไหนก็คงจะไม่ไปในที่ที่มีคนมาก ๆ กลัวคนเขาจะว่าเราให้ ฝากถึงคนที่จะต้องดูแลญาติพี่น้องที่กักตัวที่บ้านว่า ไม่ต้องหนักใจ ให้ดูแลกันไป ให้กำลังใจเขา เพราะว่าเขาเป็นคนที่ไปทำงานหารายได้ให้ครอบครัวของเรา อย่าไปคิดมาก เมื่อเช้าก็บอกสามีไปว่าอย่ามาคิดมาก มีไรต้องบอก ถามว่าอึดอัดใจไหม เขาก็บอกว่าไม่เป็นไรเขาอยู่ได้ ไปอยู่ทำงานที่เกาหลี 4-5 ปีแล้วมาอยู่แค่นี้มันนิดเดียวเอง”

 

 

นายต้อม นามสมมุติ เพื่อนบ้านที่บ้านอย่าฝั่งตรงข้ามกับบ้านเรงงานทั้ง 2 คน เปิดเผยว่า การที่มีเพื่อนบ้านมากักตัวเองอยู่ใกล้ ๆ เราก็รู้สึกกังวลบ้าง แต่เราก็กระตือรือร้นนติดตามข่าวของกระทรวงสาธารณสุขที่เขาเผยแพร่ข้อมูล วิธีการป้องกัน เราเลยไม่ซีเรียสไม่ได้ไปแอนตี้อะไรเขา เพราะสิ่งที่เรารู้มาทำให้สามารถป้องกันตัวเองและคนในครอบครัวได้ โดยไม่พยายามเข้าไปใกล้กับผู้ที่มีความเสี่ยง สวมใส่หน้ากากป้องกัน แต่เราก็พูดคุยกันได้ในระยะห่าง ไม่มีสัมผัสเขา ไม่เข้าไปในสถานที่ที่เขากักตัวเอง ทำแบบนี้เราก็ปลอดภัยแล้ว และอยู่ร่วมกันได้ไม่มีปัญหา

 

 

“อยากฝากไปถึงคนที่อื่นที่มีการต่อต้านคนที่จะมากักตัวเองที่บ้านว่า เราคงซีเรียสมากไป หรือได้รับข่าวสารที่ผิด ๆ เพราะจริงแล้ว มันไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงถ้าหากเรารู้ถึงวิธีป้องกันตัวเอง มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่า จะสามารถป้องกันตัวเองได้แค่ไหน และรับผิดชอบตัวเองได้แค่ไหน เมื่อเขามากักตัวเองที่บ้านเขาก็ไม่ได้ออกไปไหน เราก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับเขา มันก็เหมือนปกติทั่วไป เพียงแต่ใช้เวลากักบ้างนิดหน่อยพอผ่านระยะนั้นไปมันก็คือจบ”

 

 

นายต้อม บอกอีกว่า ส่วนที่มีข่าวอุดรธานีมีผีน้อยกลับมามากที่สุด กลัวจะระบาดไหม ถ้าถามว่ากลัวไหม ตอบได้เลยว่ากลัว แต่เราก็ไมได้ตื่นตระหนกอะไรมากมาย เพราะว่าความจริงมันหลีกเลี่ยงไมได้ เพราะเขาต้องกลับบ้าน ขึ้นอยู่กับว่าวิธีการป้องกันของตัวเราเอง ไม่มีใครที่เขาต้องการเอาเชื้อนี้มาแพร่อยู่แล้ว แต่ว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย เราก็ต้องให้โอกาสเขาด้วย”

 

 

 

 

 

 

 

 

ชมคลิป

 

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.