ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2563 ที่ด่านพรมแดนเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย ตรงข้ามกับด่านเปิงกาลันฮูลู รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย เป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยมีเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของทางการมาเลเซียตรวจเข้มผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย ขณะที่เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง ตำรวจท่องเที่ยว นักวิชาการสาธารณสุขด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเบตง ได้ทำการคัดกรองคนที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยได้ทำการตรวจคัดกรองผู้ป่วยที่อาจมีเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจจะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากพื้นที่ที่เป็นแหล่งเกิดเชื้อโควิด-19 มาท่องเที่ยวซึ่งโรคนี้สามารถกระจายต่อคนถึงคนได้ โดยอำเภอเบตง ซึ่งเป็นอำเภอที่ติดแนวชายแดนประเทศมาเลเซีย ได้ทำหน้าที่คัดกรองผู้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว หรือเยี่ยมญาติ ตลอดจนเข้ามาทำธุรกิจในอำเภอเบตงและผ่านไปยังตัวจังหวัดยะลา และจังหวัดใกล้เคียง โดยได้ทำการตรวจผู้ที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย โดยใช้เครื่องเทอร์โมสแกน กล้องอินฟราเรด และ เครื่องแฮนด์เทล วัดอุณหภูมิบริเวณหน้าผากและหูซ้ำ รวมทั้งแนะนำให้ใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ และแจกสารประชาสัมพันธ์เป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษ แนะนำวิธีการป้องกันตนเอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว และแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบว่าทางการไทยได้ควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา ไม่ให้เข้ามาระบาดในประเทศไทยอย่างเข้มงวด

          นอกจากนี้ชาวบ้านที่อยู่ติดชายแดนไทย – มาเลเซียได้วิพากษ์วิจารณ์ จากหลายมัสยิดในประเทศมาเลเซียไม่อนุญาตให้มีการละหมาดวันศุกร์ที่ผ่าน ภายหลังมีการแพร่ระบาดแบบก้าวกระโดดและมีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 150 ราย ขณะที่รัฐบาลมาเลเซียกำลังติดตามผู้ที่เข้าร่วมประชุม มุตามะ ดะวะห์ ที่ มัสยิดารีเปอร์คาลิง เมื่อวันที่ 27 ก.พ. และ วันที่ 1 มี.ค. พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา โดยการประชุมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมจากหลายประเทศร่วมถึงจากภาคใต้ของประเทศไทยด้วย ซึ่งมีรายงานว่า ในรัฐกลันตัน มีผู้ติดเชื้อหลังจากกลับมาจากร่วมงานดังกล่าว จำนวน 40 รายโดยทางการมาเลเซียได้กักตัวเฝ้าระวัง

          นายเอกสิทธิ์ ธารีลาภรักษา ผู้ประกอบการนำเที่ยวในอำเภอเบตง จ.ยะลา กล่าวว่า ภายหลังเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผู้ประกอบการโรงแรม ผู้ประกอบการนำเที่ยวต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยตามโรงแรมในอำเภอเบตงได้มีมาตรการในการป้องปรามเชื้อโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจลูกค้า โดยได้ทำการ ติดตั้งเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ บริเวณประตูทางเข้า-ออก, หน้าลิฟท์และให้พนักงาน ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในลิฟท์ ทุกครึ่งชั่วโมง เช็ดทำความสะอาดรวมทั้งตัวพนักงานของโรงแรม ที่เข้ามาทำงาน ด้วยเช่นกัน นายเอกสิทธิ์ กล่าว