‘รองโฆษก ตร.’ ยืนยัน รองสารวัตร กองสืบฯ นครบาล ติดเชื้อโควิด-19 จริง
16 มี.ค. 2563, 15:18
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2563 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รองโฆษก ตร.) เปิดเผยถึงกรณี รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ติดไวรัสโควิด-19 นั้น ได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ว่า มีข้าราชการตำรวจ ชั้นสัญญาบัตร ตำแหน่ง รองสารวัตร (รอง สว.) ในสังกัด กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้เข้ารับการตรวจร่างกายจากสถาบันป้องกันและควบคุมโรคเขตเมืองบางเขน เนื่องจากมีอาการเป็นไข้ เจ็บคอ ผลการตรวจพบว่าผลเป็นบวก ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จริง ซึ่งขณะนี้เข้ารักษาอาการอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ
ทั้งนี้ ทาง กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้ดำเนินมาตรการกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานรายอื่น โดยให้เจ้าหน้าที่ กักตัวเอง อยู่ในสถานที่ที่ทำการ หรือ ที่พักตนเอง ห้ามออกนอกพื้นที่เป็นเวลา 14 วัน กำหนดสิ้นสุดถึงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2563 เพื่อให้เฝ้าดูอาการตนเอง ประกอบกับ งดพักกำลังพล เพื่อป้องกันไม่ขยายแพร่เชื้อไปที่อื่น ดำเนินการประสานกับบริษัท ทำความสะอาด มาทำการพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณที่ทำการและที่พักชั่วคราว พร้อมกำชับการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ และเพิ่มการตรวจวัดไข้ที่ทำการ ซึ่งดำเนินมาตรการตามประกาศกรมอนามัยและคำแนะนำของกรมควบคุมโรค เพื่อเป็นการป้องกัน ลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของเชื้อ ประกอบกับแนวทางที่กระทรวงสาธารณะสุขกำหนด
รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า สำหรับข้าราชการตำรวจนั้น ให้พึงสังเกตอาการตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากไม่จำเป็นให้หลีกเลี่ยงหรืองดการเดินทางไปต่างประเทศ หรือ หากจำเป็น ขอให้เตรียมความพร้อมด้านการป้องกันตนเอง เช่น เตรียมเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ, หน้ากากอนามัย และศึกษาคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด โดยขอให้ระมัดระวังตนเองเป็นพิเศษ ประกอบกับ ถ้าตนเองสุ่มเสี่ยง หรือมีผู้ที่ใกล้ชิดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เฝ้าระวังอาการของตนเองในพื้นที่อาศัย เป็นเวลา 14 วัน หากพบอาการผิดปกติ เช่น มีไข้, ไอ, จาม หรือหายใจเหนื่อยหอบ ให้ไปรีบพบแพทย์โดยทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการรักษา
นอกจากนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีความเป็นห่วงเป็นใยข้าราชการตำรวจทุกนาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในการคัดกรองบุคคล ทั้งทางบก, เรือ และอากาศ ขอให้เตรียมความพร้อมและเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ เช่น งานเลี้ยงสังสรรค์, สถานบันเทิง และสนามกีฬา เป็นต้น ตลอดจน กำชับผู้บังคับบัญชาทุกภาคส่วน ประสานการทำงานร่วมกับ หน่วยงานสาธารณสุข หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการประชาสัมพันธ์ หรือ สร้างช่องทางรับรู้ เกี่ยวกับการป้องกันตนเองไม่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 และสังเกตอาการที่สุ่มเสี่ยง หรือ เฝ้าระวังตนเอง บุคคลใกล้ชิด อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้