รัฐบาล ยืนยันรับมือสถานการณ์โควิด-19 ได้ ย้ำมีมาตรการรองรับหากสถานการณ์รุนแรง
19 มี.ค. 2563, 18:07
วันนี้ ( 19 มี.ค.63 ) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูล COVID-19 นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวงและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนการไฟฟ้านครหลวงและผู้แทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แถลงข่าวศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำรัฐบาลดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นคือไม่ให้เชื้อโควิดจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย จึงได้ประกาศยกเลิก Free Visa เป็นการชั่วคราวและยกเลิก Visa on Arrival 18 ประเทศ ชาวต่างประเทศทั้งจากประเทศที่มีการติดเชื้อโควิดและอีกหลายประเทศจะต้องขอวีซ่าที่สถานทูต มีใบรับรองแพทย์ และกรมธรรม์ประกันสุขภาพ อย่างน้อย 1 แสนเหรียญ จึงจะเดินทางเข้าประเทศไทยได้ เมื่อถึงไทยก็จะมีหน่วยคัดกรองอย่างเข้มข้น ประเทศที่มีความเสี่ยงจะมีการคัดกรองพิเศษ เพื่อสกัดไม่ให้เชื้อโควิดเข้ามาประเทศไทยได้ นอกจากนี้ ยังปิดสถานบันเทิง (เช่น ผับ บาร์ ) สนามมวย สนามม้า งดการแข่งขันกีฬาทุกชนิด โรงภาพยนตร์ โรงเรียนนานาชาติ มหาวิทยาลัย อาบอบนวด ฟิตเนส ซึ่งเป็นแหล่งที่มีโอกาสกระจายเชื้อโรคได้ง่าย รวมทั้งให้หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ มีการเหลื่อมเวลาในการทำงานและเหลื่อมเวลารับประทานอาหาร เพื่อลดความแออัดในสถานที่ราชการน้อยลง และเลื่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 13 – 15 เมษายน 2563 ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้เตรียมการรับมือกับสถานการณ์หากมีการยกระดับคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยเตรียมเตียงผู้ป่วยประมาณ 1,200 เตียง และสามารถเพิ่มได้อีก 10,000 เตียง หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นและเวชภัณฑ์รองรับไว้เรียบร้อยแล้ว
โอกาสนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความห่วงใยนายกรัฐมนตรีที่มีต่อประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทีมแพทย์ และผู้ทรงคุณวุฒิ โดยที่ประชุมเห็นพ้องตรงกันยืนยันประเทศไทยดำเนินการทางด้านสาธารณสุขในการควบคุมโรคมาถูกทางแล้ว และหากมีความจำเป็นก็จะต้องมีการยกระดับให้เข้มข้นมากขึ้นจากเดิมที่กำหนดประเทศเสี่ยง 4 ประเทศ กับ 2 เขตปกครองพิเศษ (ฮ่องกง มาเก๊า) จะต้องมีใบรับรองแพทย์ก่อนเข้าประเทศไทย ก็ได้ยกระดับเพิ่มประเทศระบาดต่อเนื่องเข้ามาด้วยจากนี้ไปทุกประเทศที่จะเดินทางมาจากประเทศใดก็ดีจะต้องมีใบรับรองแพทย์ยืนยันไม่มีเชื้อโควิด และใบรับรองแพทย์จะต้องมีอายุไม่เกิน 3 วัน รวมทั้งต้องมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพ มูลค่า 1 แสนเหรียญขึ้นไป และเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรองและกักกันตามมาตรการที่กำหนดเพื่อเฝ้าระวังสังเกตอาการ 14 วัน ส่วนกรณีคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศไม่ว่าประเทศใดก็จะมีทีมไทยแลนด์เข้าไปประสานในเรื่องของใบรับรองแพทย์เพื่อจะกลับประเทศ และมีกระบวนการกักกันเพื่อเฝ้าระวังสังเกตอาการเช่นเดียวกัน จึงให้ความมั่นใจได้ว่ากระบวนการในการคัดกรองเชื้อโควิดจากต่างประเทศที่มีความเข้มข้นขึ้นจะสามารถทำให้เชื้อที่มาจากต่างประเทศลงลดไปได้มาก นอกจากนี้ รัฐบาลได้ปิดสถานบันเทิงในกรุงเทพและปริมณฑล รวมถึงปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัย สนามมวย สนามม้า ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นการชั่วคราว โดยให้เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด และคณะกรรมการควบคุมโรคแต่ละจังหวัดเป็นผู้พิจารณาในการปิดสถานบันเทิงเช่นเดียวกับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งจังหวัดชลบุรีก็ได้ดำเนินการแล้ว โดยจะต้องรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบทุกวันเพื่อประเมินและปรับแผนการดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทเอกชนได้มอบกรมธรรม์ประกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้กับเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องในการดูแลผู้ป่วยดังกล่าว จำนวน 120,000 กรมธรรม์แล้ว
นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวยืนยันการตรวจคัดกรองที่สนามบินว่า จะมีการตรวจผู้โดยสารทุกคนด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน ซึ่งกระจายติดตั้งทั้งหมด 5 จุด ซึ่งหมอจะเน้นความสำคัญจุดที่มีความเสี่ยงสูงก่อน มีระบบเซนเตอร์กลางคล้ายกล้องซีซีทีวีในการตรวจจับอุณหภูมิ รวมทั้งเจ้าหน้าที่กระจายกำลังสอดส่อง หากพบเจอผู้ที่ป่วยจะแจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที ขอให้ความมั่นใจว่าสนามบินมีการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด ดูแลและใส่ใจผู้โดยสารเป็นอย่างดี สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันทั่วโลก มีผู้ป่วยเกิน 200,000 ราย กระจายไป 168 ประเทศแล้ว เป็นที่มาของมาตรการรัฐบาล ที่ต้องการชะลอเชื้อที่จะเข้ามาในประเทศ โดยการเข้ามาประเทศต้องมีใบรับรองแพทย์ ใบประกันสุขภาพ สำหรับคนไทยในต่างประเทศจะใช้ระบบ Team Thailand มีเอกอัคราชทูตเป็นหัวหน้าทีมให้ความช่วยเหลือดูแล และมีแพทย์ออกใบรับรองแพทย์หากต้องการเดินทางกลับประเทศไทย คนไทยทุกคนมีสิทธิในการรักษาไม่ต้องซื้อประกันสุขภาพ วันนี้ ไทยมีผู้ป่วยรวมมากกว่า 200 ราย มีอาการรุนแรง 3 ราย มีการจำลองเหตุการณ์ความพร้อมในสถานการณ์ต่าง ๆ ไปจนถึงสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเพื่อเตรียมการรับมือผู้ป่วย 1 คน ใช้ยาในการรักษา 70 เม็ด ตอนนี้ได้เตรียมไว้เกือบ 200,000 เม็ด และยังสามารถเตรียมให้ได้มากขึ้นอีก แต่ผู้ป่วยไม่ได้มีความจำเป็นต้องได้รับยาทุกราย บางรายมีอาการน้อยก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ส่วนเตียงมีระบบแผนสำรองเผชิญเหตุ ในการขยายจำนวนเตียงทั่วประเทศ เพื่อรองรับคนไข้อาการน้อยและอาการหนัก ด้านแพทย์ กรณีแพทย์เฉพาะทางไม่เพียงพอแต่แพทย์ทุกคนได้เรียนพื้นฐานทางการแพทย์มาประกอบกับปัจจุบันมีระบบออนไลน์หมอสามารถพูดคุยหรือสามารถปรึกษากันและกันได้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนเสียสละประพฤติตนเว้นระยะห่าง เพื่อลดการแพร่กระจายจากการสัมผัส และป้องกันตนให้เหมาะสมตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ
จากนั้น นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ยืนยันการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวดด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิเทอร์โมสแกนว่า มีความแม่นยำ มีคุณภาพ รับรองว่าไม่มีผู้โดยสารท่านใดไม่โดนคัดกรองอย่างแน่นอน ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมยังมีมาตรการช่วยเหลือกับประชาชนที่มีความประสงค์ที่จะคืนเงิน หรือ เลื่อนตั๋วเดินทาง กับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการด้านการเดินทางภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม จากการประกาศเลื่อนวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ในวันที่ 13 -15 เมษายน ตามมติของคณะรัฐมนตรี ซึ่งบริษัท ขนส่ง จำกัด รับเงินคืนเต็มจำนวนสำหรับผู้ที่ซื้อตั๋วเดินทางระหว่างวันที่ 1 – 30 เมษายน 2563 หรือ เลื่อนตั๋วโดยสารได้ 90 วัน นับจากวันที่ซื้อตั๋ว โดยต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนเดินทาง 1 วัน สามารถติดต่อได้ทางเบอร์โทร 1490 ได้ตลอด 24 ชม. การรถไฟแห่งประเทศไทย รับเงินคืนเต็มจำนวนสำหรับผู้โดยสารที่ทำการซื้อตั๋วก่อนวันที่ 18 มีนาคม 2563 หากแจ้งล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง 3 วัน และผู้ที่แจ้งขอยกเลิกการเดินทางในวันเดินทางจะได้รับเงินคืนกึ่งหนึ่ง เบอร์ติดต่อ 1690 ส่วนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทไทยสมายแอร์เวย์ จำกัด สามารถขอยกเลิกการเดินทางโดยจะเป็นไปตามเงื่อนไขของบัตรโดยสาร ซึ่งเที่ยวบินภายในประเทศที่ออกบัตรโดยสารก่อนวันที่ 19 มีนาคม 2563 และเดินทางระหว่างวันที่ 1 – 30 เมษายน 2563 สามารถเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมในเส้นทางเดิม แต่ถ้ามีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนเส้นทางเดินทางนั้น สามารถทำได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม เพียงแต่ต้องชำระค่าส่วนต่างของเที่ยวบินและภาษี หรือหากผู้โดยสารมีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงชื่อผู้เดินทาง ต้องชำระค่าธรรมเนียม 500 บาท ทั้งนี้ บัตรโดยสารแบบหมู่คณะ ค่ามัดจำนั้นสามารถนำไปใช้ในภายหลังได้เป็นระยะเวลา 1 ปี สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าการบินไทย 0 2356 111 และศูนย์บริการลูกค้าไทยสมายแอร์เวย์ 0 2118 8888 กระทรวงคมนาคมยังมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการที่ให้บริการทางด้านการเดินทางที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวโรสโควิด – 19 ในด้านกลุ่มสายการบินที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากนั้น โดยลดค่าธรรมเนียมการขึ้น-ลงของอากาศยาน (Landing Charge) และ ค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน (Parking Charge) กึ่งหนึ่งให้กับสายการบิน บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด จะลดค่าบริการการควบคุมการจราจรให้กับสายการบินกึ่งหนึ่ง รวมทั้งการลดค่าเช่าพื้นที่สำนักงานในอาคารของท่าอากาศยานให้แก่สายการบินเช่นกัน มาตรการผ่อนผันไม่ตัดสิทธิ์การจัดสรรเที่ยวบินของสายการบิน นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังได้มีการร่วมมือกับกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้แก่สายการบิน รวมถึงการหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กระทรวงคมนาคมยังได้ให้สิทธิ์แก่สายการบินในการปฏิเสธที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสอีกด้วย
ต่อมา นายจาตุรงค์ สุริยาศสิน ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง โฆษกการไฟฟ้านครหลวง กล่าวถึงหลักเกณฑ์การคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคพื้นฐานสำหรับประชาชน โดยกำหนดหลักเกณฑ์มาตรการคืนหลักประกันการใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 (บ้านอยู่อาศัย) และประเภทที่ 2 (ธุรกิจขนาดเล็ก) สามารถขอรับเงินคืนประกันการใช้ไฟฟ้าที่วางไว้ตามขนาดเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าหรือตามจำนวนเงินที่วางไว้กับ MEA โดยสามารถลงทะเบียนผ่าน 3 ช่องทาง คือ 1. ช่องทางออนไลน์ 2. ช่องทางโทรศัพท์ หมายเลข 02-256-3333 และ 3. ที่ทำการของการไฟฟ้านครหลวง 18 เขต โดยการลงทะเบียนดังกล่าว ผู้ขอคืนหลักประกันสามารถเลือกช่องทางการคืนเงินได้ 3 ช่องทาง ดังนี้ 1. บัญชีพร้อมเพย์ เฉพาะที่ผูกหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ของผู้วางหลักประกัน 2. บัญชีธนาคารพาณิชย์ที่มีชื่อตรงกับผู้วางหลักประกันเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกสิกร และ 3. เคาน์เตอร์เซอร์วิส
โดยรองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า พื้นที่ส่วนภูมิภาค 74 จังหวัด ประชาชนสามารถตรวจสอบการคืนเงินตามประเภทการใช้ไฟฟ้าได้ในใบแจ้งค่าไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย (1125) และประเภทกิจการขนาดเล็ก (2125) โดยผู้ที่มีเลขดังกล่าว มีสิทธิ์สามารถขอรับเงินคืนได้
พร้อมกันนี้ นาย ปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการการประปานครหลวงกล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชน 3 มาตรการ ได้แก่ 1. มาตรการลดค่าน้ำร้อยละ 3 ให้กับผู้ใช้น้ำทุกประเภท เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับใบแจ้งค่าน้ำประปาของเดือนพฤษภาคม มิถุนายน และ กรกฎาคม 2563 2. มาตรการขยายการผ่อนชำระค่าน้ำประปาสำหรับผู้ใช้น้ำที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจโรงแรมในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน 2563 โดยไม่คิดดอกเบี้ย และสามารถผ่อนชำระได้ไม่เกิน 6 เดือน และ 3. มาตรการคืนเงินค่าประกันการใช้น้ำ เฉพาะผู้อยู่อาศัยประเภท 1 เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบสิทธิและดำเนินการได้ดังนี้ 1. แจ้งความประสงค์ผ่านช่องทางออนไลน์ www.mwa.co.th และ 2. ติดต่อขอรับเงินคืนที่สำนักงานประปาสาขาของ กปน. ทั้ง 18 สาขา
ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรและลูกค้าสัมพันธ์ได้เพิ่มเติมถึงมาตรการของการประปาส่วนภูมิภาค มี 3 มาตรการ ดังนี้ 1. ลดค่าน้ำประปาในอัตราร้อยละ 3 ให้กับผู้ใช้น้ำทุกประเภท เป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่การใช้น้ำในเดือนเมษายน – มิถุนายน 2563 2. ขยายเวลาการชำระค่าน้ำประปา สำหรับผู้ใช้น้ำประเภทโรงแรมและกิจการให้เช่าพักอาศัย (สถานบริการและที่พัก ประเภทรหัส/ผู้ใช้น้ำ 33) โดยไม่คิดดอกเบี้ย และสามารถผ่อนชำระได้ไม่เกิน 6 เดือน ของแต่ละรอบใบแจ้งค่าน้ำประปา สำหรับรอบการใช้น้ำเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2563 โดยไม่มีการตัดมิเตอร์น้ำและผู้ใช้น้ำสามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ได้ที่สาขาของ กปภ.ในพื้นที่ใช้น้ำประปา และ 3. คืนเงินประกันการใช้น้ำให้กับผู้ใช้น้ำประเภท 1 ที่พักอาศัย ซึ่งผู้วางเงินประกันการใช้น้ำสามารถยื่นขอสิทธิผ่านช่องทางออนไลน์และแจ้งความประสงค์เพื่อขอคืนเงินประกันผ่านช่องทางที่กำหนดให้