ไม้พะยูงในพื้นที่มีกรรมสิทธิ์ สามารถตัดขายได้แล้ว! หลังชาวบ้านสงสัยเจ้าอาวาสวัดตัดไม้พะยูงในวัดเพื่อขาย
29 มิ.ย. 2562, 16:56
สุรินทร์-วันนี้(29 มิ.ย.62) ผู้สื่อข่าว ONB news ประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับการร้องเรียนจากพลเมืองดี ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่และไม่ขอเปิดเผยชื่อ ว่าที่วัดบ้านกาบเชิง ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ มีการตัดไม้พะยูงอายุหลายสิบปีกว่า 10 ต้น ขาย และมีการขนบรรทุกออกจากวัดในยามวิกาล เกรงว่าจะไม่โปร่งใส ในการตัดไม้พะยูงในพื้นที่วัดซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนรวม และไม่พบว่ามีการทำประชาพิจารณ์ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2562 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปยังวัดบ้านกาบเชิง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีนายนิรันดร์ สุนทรศิริ ปลัดป้องกัน อ.กาบเชิง นายเอนก เกียงวัว หน.หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ สร.4 จนท.ตำรวจ สภ.กาบเชิง และ จนท.ทหาร ร่วมลงพื้นตรวจสอบภายในวัด พบตอไม้พะยูงขนาดใหญ่หลายขนาด จำนวน 10 ต้น ถูกตัดออกไปเหลือแต่ตอจริง
ขณะที่ พระมหาวิสาตย์ ธมมิโก เจ้าอาวาสวัดบ้านกาบเชิง พร้อมด้วยนายวีรนันท์ ทวีเกิด มัคคทายกวัดบ้านกาบเชิง นายจรวน บุตรงาม กำนัน ต.กาบเชิง พร้อมด้วยคณะกรรมการวัด และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่จาก 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย ม.9 ม.12 ม.17 ได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆออกมาชี้แจงกับเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชน อาทิ โฉนดที่ดินของวัด หลักฐานการซื้อขาย โดยมียอดเงินในบัญชีที่โอนเข้า ซึ่งเป็นยอดเงินจากการขายไม้ทั้งหมด 10 ต้น จำนวน 5 แสนบาท เอกสารรายเซ็นต์ ของผู้นำชุมชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่มีความเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรให้ตัดไม้พะยูงเพื่อนำมาบูรณะ ปฏิสังขรณ์และสร้างบันได้ขึ้นวิหารวัด หลัง ทางคณะกรรมการวัดระบุว่า มีการทำประชาคม ประกาศบอกให้ประชาชนรับทราบ ขณะมาทำบุญที่วัดอยู่หลายครั้งมาโดยตลอด ว่าจะมีการขายไม้พะยูงเพื่อนำเงินมาทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์ต่างๆรวมถึงสร้างบันไดวิหารของอดีตหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดที่มรณะ ภาพไปแล้ว
โดยเฉพาะบันได้ขึ้นวิหารที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ทางเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัด รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน ก็รับทราบดีมาโดยตลอด และดำเนินการโดยถูกต้องตามกฎหมาย และที่ผ่านมาก็ไม่มีชาวบ้านมาคัดค้านทางวัดว่าไม่ให้ขายไม้พะยูงแต่อย่างใด ผู้นำชุมชนจึงร่วมกันเซ็นต์เอกสารที่มีความเห็นพ้องต้องกันให้ตัดไม้พะยูงดังกล่าว และยืนยัน การดำเนินการกระทำโดยถูกต้องและสุจริต
นายนิรันดร์ สุนทรศิริ ปลัดป้องกัน อ.กาบเชิง กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า ทางวัดได้มีการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนงบประมาณที่ขายไม้ออกไปก็อยู่ในบัญชีของวัดครบทุกบาททุกสตางค์ ปลัดป้องกัน อ.กาบเชิงกล่าว
นายเอนก เกียงวัว หน.หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ สร.4 กล่าวว่า ไม้พะยูงที่ตัด ขึ้นอยู่ในโฉนดของวัดจริง จึงไม่ผิดกฎหมายป่าไม้แต่อย่างใด ส่วนกรณีของประชาชนทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะวัด มีความประสงค์จะตัด มีคนมาซื้อ ให้ราคาดีก็ขาย ขอให้ถูกกฎหมายและถูกหลักการของรัฐ เมื่อเขาตัดได้ ขายได้ราคาดี เขาก็ต้องมาปลูกทดแทน กล้าไม้มีแจก ซึ่งกล้าไม้มีประชาชนสนใจไปรับ ทำให้กล้าไม้ขาดแคลนไม่พอแจกอีกด้วย ทั้งนี้มีหนังสือเวียนจากกรมป่าไม้ ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา จึงขอเรียนให้ประชาชนรับทราบร่วมกัน ขอสรุปประเด็นแบบคร่าวๆ เนื่องด้วย พรบ.ป่าไม้ฉบับ พ.ศ.2562 ได้ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนที่ 50 ก. วันที่ 16 เม.ย.2562 ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.2562 ได้มีการแก้ไขความในวรรค 1 ของมาตรา 7 มีผลให้ ไม้ทุกชนิดที่ขึ้นในที่ดินมีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เป็นไม้หวงห้าม ดังนั้นการแปรรูปไม้และเคลื่อนย้ายไม้ในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากพนักงาน เจ้าหน้าที่ ช่วงหลังนี้จึงไม่มีใครไปขออนุญาตจากตน และเป็นส่วนควบกับเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ มีสิทธิ์ใช้สอยและจำหน่ายทรัพย์สินของตนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่การนำไม้ดังกล่าวเคลื่อนย้ายออกจากเขตที่ดินของตนไปยังสถานที่อื่นอาจมีปัญหา กรณีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆขอตรวจสอบความถูกต้อง ของไม้ ดังนั้น เพื่อให้การตรวจสอบไม้ที่ไม่ใช่ไม้หวงห้ามดังกล่าว เป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว จึงได้กำหนดแนวทางการรับรองไม้ ด้วยการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ 1. คือนำที่ดินนั้นไปขึ้นทะเบียนสวนป่า กรณีวัดขึ้นทะเบียนสวนป่าไม่ได้ เพราะไม่ใช่เอกชน อันที่ 2 นำหลักฐานยืนยันการเป็นเจ้าของไม้ ที่ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย โดย จัดทำหนังสือรับรองตนเองว่า ไม้ที่นำเคลื่อนย้ายเป็นไม้ที่ได้มาจากที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองตามประมาลกฎหมายที่ดินของตนเอง
โดยมีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านลงนามเป็นพยาน และมีเอกสารแนบท้ายในการรับรองตนเองดังนี้ ทะเบียนบ้าน สัญญาซื้อขายไม้ กรณีซื้อขายไม้ หนังสือมอบอำนาจ กรณีมอบอำนาจให้ดำเนินการการซื้อขายไม้แทนกัน กรณีนี้ก็คงจะหมายถึงในเรื่องประชาคม ของที่วัดเรา สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน เช่นโฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ แผนที่สังเขป รูปแปลงที่ดิน ขอบเขตที่ดิน และภาพถ่าย โดยให้เน้นถ่ายภาพมุมกว้างของต้นไม้ ให้มีพื้นหลังเป็นจุดอ้างอิง เช่น พื้นหลังเป็นโบสถ์ เป็นศาลาอะไรแบบนี้ หน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ สร.4 กล่าว
นายวีรนันท์ ทวีเกิด มัคคทายกวัดบ้านกาบเชิง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา มีประชาชนมาทำบุญตักบาตรจำนวนมาก ทางเจ้าอาวาสวัด ก็ได้ประกาศบอกกับประชาชนที่มาทำบุญที่วัดว่า อดีตเจ้าอาวาสของวัด ซึ่งมรณะภาพไปแล้ว เคยมีแนวคิดอยากสร้างวิหารของท่านให้แล้วเสร็จ แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่มีใครดำเนินการ เมื่อเป็นอย่างนี้ ทางเจ้าอาวาส จึงมีความคิดว่าการหางบประมาณมาสร้างปฏิสังขรณ์ต่อ ต้องใช้งบประมาณ จึงเสนอว่าให้ขายไม้พะยูง เพื่อนำเงินมาบูรณะวิหารของหลวงพ่อให้แล้วเสร็จ จะได้เท่าไหร่ไม่รู้ จึงประกาศออกไป ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาก็มีพ่อค้าที่รับซื้อเดินทางมาติดต่อขอซื้อ เสนอราคาหลายราคาหลายคน แตกต่างกันไป บางคนมากลางวัน บางคนมากลางคืน มาจากหลายจังหวัด ไม่เห็นมีใครมาซื้อจริงจังสักที ทางวัดจึงเกิดความกลัว พระอาจารย์ไม่ปลอดภัย และไม่มีใครมาช่วยเฝ้ามาช่วยดูกัน เพราะที่ผ่านมาก็เคยมีข่าวการขโมยตัดไม้ในวัด ตามสถานที่ต่าง เมื่อพระอาจารย์มีความประสงค์อย่างนี้ จึงหาคนมาซื้อ มาครั้งแรกก็มาทำสัญญา แต่ไม่มาตัด และยกเลิกสัญญา คนที่ 2 มาจากกาฬสินธุ์ จะมาซื้อ แม้ขาดทุนก็จะซื้อ เพราะว่าทางวัดทุบบันไดทางขึ้นวิหารใหม่ ช่างบอกว่าต้องใช้งบประมาณ 1ล้าน 7 แสน แต่ไม่เป็นไรถ้าได้เงิน 5 แสนมาก็จะช่วยบรรเทาในเรื่องงบประมาณได้ในเบื้องต้น ให้เกิดประโยชน์สูงสุดที่หลวงพ่อเคยดำริไว้ ส่วนที่เหลือ พวกตน คณะกรรมการวัด ผู้นำชุมชนและประชาชนผู้มีจิตศรัทธาจะไปหาเงินเพิ่มมาช่วยกันทำให้เสร็จเอง แต่ได้ตกลงกับช่างรับเหมาไว้แล้วว่า ให้ทำให้เสร็จค่อยไปรับเงินในวันที่ 2 ต.ค.2562 ตนและผู้นำชุมชนก็ประกาศบอกชาวบ้านในวัดหลายครั้งหลายหน
แม้แต่งานในหมู่บ้านก็ประกาศตลอด ซึ่งรับทราบร่วมกัน ตนการันตีได้เลยว่าเรื่องดังกล่าว มีการดำเนินการอย่างถูกต้องชัดเจน เพราะชีวิตนี้ผมอยู่กับวัดกับศาสนา การันตีได้เลยว่า มีความสะอาดและโปร่งใสแน่นอน และเมื่อวันก่อน ตนก็ได้ไปแจ้งความกับตำรวจ ว่าพระสงฆ์ในวัดรูปหนึ่ง ได้โฟสต์ชื่อตนเองและคณะกรรมการวัดต่างๆลงโซเชียล กรณีการขายไม้พะยูง ว่าตนเป็นเปรตเป็นนรก อสูรกาย อะไร ต่อมิอะไร จนลูกๆถามว่าทำไมพ่อดังแท้ ตนเป็นคนมีบุญพอ ไม่ติดใจ ตำรวจก็ถามว่าจะเอายังไง ตนและกรรมการเกิดความเสียหาย แต่ตนเองมีน้ำใจพอ โตพอ ในเมื่อท่านทำผิดแล้ว ผมจะไม่เอาเรื่อง แต่ท่านทำผิด ท่านจะยอมขอโทษไหม โดยให้โฟสต์ขอโทษและระบุว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงเป็นเวลา 7 วัน ถ้ารับไม่ได้จะดำเนินเรื่องต่อ ซึ่งท่านก็ยินดีและโฟสต์ขอโทษแล้ว
ทั้งๆที่ตนเรียกร้องค่าเสียหายได้ เพราะความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว แต่ตนไม่ต้องการเงินจากท่านแม้แต่บาทเดียว แต่ถ้าตนเลวให้อธิบายได้ไหมว่าตนเองเลวอย่างไร จึงเอาชื่อตนไปประจาน แต่ท่านก็อธิบายไม่ได้ ศาลาการเปรียญตรงนี้ตนและคณะกรรมการก็ร่วมกันสร้างท่านก็เห็น ก็รับรู้ มาโดยตลอด ไม่เห็นความดีของตนเองบ้างหรือ มัคคทายกวัดบ้านกาบเชิง กล่าว
พระมหาวิสาตย์ ธมมิโก เจ้าอาวาสวัดบ้านกาบเชิง กล่าวว่า หลังจากตัดต้นพะยูงแล้ว อาตมา จะเอาต้นไม้มาปลูกเสริมอีก 100 ต้น เจตนาทางวัดที่ตัดขายเพื่อ นำงบไปสร้างวิหาร โดยภายในจะบรรจุอัฐิของของหลวงพ่อ ประวัติต่างๆเท่านั้นเอง ไม่มีใครได้อะไรหรอก และกลัวโจรมาขโมยตัดไป จึงขายเพื่อมาสร้างวิหารให้เสร็จ ส่วนที่มีการขนกลางคืนนั้น คนที่มารับซื้อเขามาตัดทั้งวัน 10 ต้น เวลาตัดประมาณ 10.30 น. กว่าจะตัดจะขนเสร็จก็ล่วงไปถึงกลางคืนแล้ว จนเลยเวลาไปถึงเกือบตี 2 ของอีกวัน ถึงได้เสร็จ อาตมาก็ฝากถึงญาติโยมที่ยังติดใจ ก็ขอให้สบายใจได้ ไม่ต้องตกใจ หรือติดใจอะไรกับตรงนี้ อาตมาก็ทำดีที่สุดแล้วในเรื่องทรัพยากรณ์ของวัด ก็เอามาใช้ประโยชน์ในศาสนาของเรา นั่นเอง