วันนี้  29 มิ.ย.62  ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ร.ต.อ.นเรศ สุดสาคร รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดเหตุมีคนพบศพผู้เสียชีวิตอยู่ข้างอาคารที่กำลังก่อสร้างปรับปรุงใกล้สวนอาหารแห่งตั้งอยู่ริมถนนปากทางเข้าชุมชนปิ่นทอง เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ต.ท่ามะขาม อ.เมืองฯ หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมประสานแพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนาฯ ร่วมกับพิสูจน์หลักฐานจังหวัดฯ และมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ให้มาร่วมทำการชันสูตรพลิกศพ

 

จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งตั้งอยู่ข้างอาคารตึกสูงที่กำลังมีการรื้อถอนตัวอาคารอยู่ ที่มีรั้วกำแพงกั้นปิดล้อมตัวอาคารซึ่งอยู่ในสภาพพังครืนลงมา 1 ช่องกำแพงพบว่าที่บริเวณใต้เศษปูนของกำแพงทับร่างของผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นหญิงชราอยู่ในสภาพนั่งก้มตัวอยู่กับพื้นในสภาพร่างกายกำลังเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ จากการชันสูตรพลิกศพของแพทย์พบว่าตามร่างกายไม่มีบาดแผลถูกทำร้าย มีเพียงที่กะโหลกศีรษะแตก หน้าผากยุบ แพทย์ลงความเห็นเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1-2 วัน

 

ตรวจสอบในจุดที่พบศพพบรถเข็นสามล้อแบบรถสาลี่ซึ่งภายในรถมีกระดาษและขวดน้ำพลาสติกที่คาดว่าน่าจะเป็นของผู้ตายจอดอยู่ริมถนน ตรวจสอบหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตายชื่อนางเปรมจิต วงษ์กรณ์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/2 หมู่ 8 ต.น้ำพอง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ สอบถามญาติทราบว่า ผู้ตายภูมิลำเนาเดิมเป็นคนนครสวรรค์ แต่ได้ย้ายมาอยู่ที่ จ กาญจนบุรี โดยยึดอาชีพเก็บหาของเก่าเลี้ยงปากท้องประทังชีวิตมาโดยตลอด ผู้ตายได้หายออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมาจนกระทั่งทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นางเปรมจิต เสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นจากการสอบถามคนงานก่อสร้างทราบว่า เมื่อวันที่ 27 ที่ผ่านมาตอนสายวันนั้นเกิดมีฝนตกหนักและลมพัดกระโชกอย่างรุนแรง ทำให้รั้วกำแพงปิดล้อมบ้านถูกกระแสลมพัดจนพังครืนลงมา 1บาน และมีเสียงร้อง แต่ก็ไม่มีใครสนใจออกมาดู เนื่องจากฝนตกหนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายขณะเดินเข้ามาก้มๆ เงยๆ หาเก็บของอยู่ข้างกำแพง จึงถูกกำแพงพังถล่มลงมาทับร่างจนเสียชีวิตโดยที่ไม่มีใครเห็นจนกระทั่งศพส่งกลิ่นเหม็นเน่าดังกล่าว

    

สอบถามญาติไม่มีใครติดใจสงสัยในสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้มูลนิธิฯ นำศพไปเก็บรักษาไว้ที่ รพ.ฯ เพื่อรอญาติมาติดต่อขอรับศพไปจัดการตามประเพณีทางศาสนาต่อไป