มื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 23 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.วุฒิพงศ์ ทองมาก รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งเหตุเกิดเพลิงไหม้กุฏิพระ ในวัดชุมพรรังสรรค์ พระอารามหลวง หรือวัดเหนือ จึงได้รุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดดับเพลิง เทศบาลเมืองชุมพร และหน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบอยู่อีกฝั่งคลองของวัดชุมพรรังสรรค์ โดยกุฏิที่เกิดเพลิงไหม้ เป็นลักษณะทรงไทยประยุกต์ สร้างด้วยไม้ ยกพื้นสูง ปลูกเป็นหลัง ใกล้กัน จำนวน 3 หลัง โดยหลังที่ไฟกำลังลุกไหม้ ทราบว่าเป็นกุฏิของพระกฑาชัย รัตนโนบล ซึ่งขณะเกิดเพลิงไหม้ พระรูปดังกล่าวได้ออกไปบิณฑบาต เจ้าหน้าที่จึงได้ระดมฉีดน้ำ จนสามารถระงับไฟได้ โดยใช้เวลาเพียง 20 นาที แต่ไฟที่ไหม้ก็ทำให้กุฏิวอดไปทั้งหลัง

สอบถามพระประมวล กัตศรีโร ซึ่งอยู่กุฏิใกล้กัน เล่าว่า ขณะที่ตนเองกำลังอาบน้ำ ได้ยินคล้ายเสียงประทุของไฟที่ไหม้ไม้ ดังเป็นระยะๆแต่ก็ไม่เอะใจ จนมีกลิ่นไหม้พร้อมกลุ่มควันลอยมา จึงเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็พบว่าไฟกำลังลุกไหม้กุฏิพระกฑาชัย หรือพระไข่ อยู่ จึงได้หยิบโทรศัพท์ แจ้งไปที่ 191ของตำรวจเพื่อประสานทางดับเพลิงมาทำการดับเพลิงดังกล่าว

ต่อมา พระกฑาชัย ได้กลับมาจากบิณฑบาต ด้วยหน้าตาตื่น หลังพบว่ากุฏิของตนเองถูกไฟไหม้วอดหมดไปทั้งหลัง โดยพระกฑาชัย ยอมรับว่า เป็นความผิดของตนเอง ที่เมื่อเช้าก่อนออกไปบิณฑบาต ได้จุดธูปเทียน เพื่อไหว้พระพุทธ ที่โต๊ะหมู่บูชา ซึ่งอยู่ในมุมห้อง และใกล้กับที่นอน ซึ่งคาดว่าเทียนหรือธูป คงล้มหล่นลง แล้วไปติดที่นอน ประกอบทั้งในห้องเต็มไปด้วยผ้าและจีวร กระดาษเอกสาร จำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอีกดี ทำให้เพลิงได้ลุกไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนทรัพย์สินที่ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายนั้น ก็มีโทรศัพท์ 1 เครื่อง โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง เงินประมาณ 2,000 บาท แต่สิ่งที่มีค่าที่สุดคือพระเครื่อง ซึ่งเป็นพระเนื้อผง และพระแบบเหรียญ ที่สะสมมานาน เป็นพระเกจิดังของจังหวัดชุมพร จำนวนมาก และแต่ละองค์ เช่ามาในราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำเชือกมากันพื้นที่ ไว้ก่อนๆเพื่อไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป เก็บเอาของมีค่าที่ยังหลงเหลืออยู่ไป ประกอบกับเพื่อรอให้ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาเก็บรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนความเสียหายประเมินเบื้องต้น ไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นบาท