"ผู้ว่าฯอุดร" วอนปชช.อยู่บ้าน หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งพรวด 6 คนแล้ว
24 มี.ค. 2563, 11:10
วันนี้ 24 มี.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเฟซบุ๊กของนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจ.อุดรธานี ได้โพสต์รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 และผู้ป่วยในพื้นที่ ประจำวันที่ 24 มีนาคม 2563 แจ้งว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม จำนวน 2 ราย รวมผู้ติดเชื้อในอุดรธานี 6 ราย ถึงเวลาแล้วหรือยังหยุดแล้วอยู่บ้านSaveYourself พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจ.อุดรธานียังโพสต์ต่อว่า มันถึงเวลาหรือยังที่หันกลับมาดูแล และให้ความร่วมมือ เปลี่ยนจากคำตำหนิมาเป็นการให้กำลังใจกันดีกว่าครับ
การตรวจรถโดยสารทุกคันตรวจทุกคน สกัดเชื้อไวรัสเข้าอุดรธานี ผมได้สั่ง จนท.ทุกส่วน ตั้งด่านตรวจกันทั้งวันทั้งคืน ตลอด 24 ชม. ย้ำ ตลอด 24 ชม. ตรวจวันนึงเกือบพันคน อยากให้คนที่ไม่เคยเห็นว่าเราทำอะไรเพื่อคนอุดร ได้กรุณาอ่านและดูบ้างครับ ท่านใดอยากจะออกมาช่วยสนับสนุนคนทำงาน เรายินดีต้อนรับครับ ท่านใดไม่ช่วย ก็ขอให้อยู่บ้านเฉยๆนะ กำลังใจ ถ้ามีให้กันไม่ได้ ก็ขออย่าเอ่ยคำใดๆที่ทำให้คนทำงานเขาเสียกำลังใจเลยครับ ทุกคนทำงานบอกตรงๆนะครับไม่มีเบี้ยเลี้ยงสักบาทเสี่ยงก็เสี่ยงอดหลับอดนอนแต่ไม่มีใครบ่นสักคำ
อุดรธานี คือจังหวัดแรกที่ตั้งด่านสกัดตรวจคัดกรองคนบนรถโดยสารทุกคัน และกำลังขยายผลไปสู่จังหวัดอื่นๆ ใครจะชมกับสิ่งที่เราทำให้คนอุดรแบบนี้ มันก็เป็นกำลังใจให้เรา หรือจะไม่ชม ก็ไม่เป็นไรครับ แต่พวกเราทุกคน ภูมิใจอย่างที่สุด ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่าดี ให้คนอุดรธานีทั้ง 1.6 ล้านคน เราจะทำต่อไป ไม่มีหยุด จนกว่าพี่น้องประชาชนจะปลอดภัยครับ SaveYourself SaveUdon เพื่อลูกหลานพี่น้องชาวอุดรธานี
พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจ.อุดรธานียังได้ออกประกาศคำสั่งที่ 4 คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอุดรธานี เรื่อง มาตรการ เฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แจ้งว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโรค ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ผู้ว่าราชการจ.อุดรธานี โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจ.อุดรธานี มีมติเห็นชอบดังนี้ ร้านอาหารหรือร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม ให้เปิดจำหน่ายเฉพาะอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อนำกลับไปบริโภคที่อื่น และหากจะให้บริโภคภายในร้าน จะต้องจัดสถานที่ให้เป็นไปตามแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดกระจายเชื้อ และจัดที่นั่งของแต่ละบุคคลและการต่อคิวเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตรขึ้นไป (Social Distancing) และจะต้องไม่มีการขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน หรือนำสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อดื่มกันภายในบริเวณร้าน ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 12 เมษยน 2563
ขณะเดียวกันที่ศาลากลางจ.อุดรธานีนายฤทธิเดช โคตรสาร ประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป จังหวัดอุดรธานีดำเนินการคุมเข้มพื้นที่ในศาลากลางจังหวัดอุดรธานี โดยจัดให้มีการปิดประตูทุกด้านให้ประชาชนและข้าราชการเข้าประตูทางด้านหน้าเพียงประตูเดียวพร้อมให้มีการวัดไข้และให้ทุกคนที่ผ่านเข้าออกล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ก่อนเข้าทำงานและก่อนติดต่อราชการเพื่อเป็นการคุมเข้มในการป้องกันและแก้ไขปัญหา โควิด -19 ไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ของศาลากลางจังหวัดอุดรธานี เพราะพื้นที่แห่งนี้มีหน่วยงานราชการตั้งอยู่ประมาณ 30 หน่วยงาน มีข้าราชการ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติราชการอยู่เกือบ 500 คน และมีประชาชนมาติดต่อราชการหลายหน่วยงานตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศูนย์ดำรงธรรม เกษตรและสหกรณ์ พัฒนาชุมชนจังหวัด ประชาสัมพันธ์จังหวัด คลังจังหวัด ปกครองจังหวัด วัฒนธรรมจังหวัด ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และหน่วยงานเอกชนต่างๆ ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนที่มาติดต่อราชการในศาลากลางจังหวัดอุดรธานี โดยจะตรวจวัดไข้ และเข้มงวดไปอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์โควิด -19 จะคลี่คลายลง
ขณะที่ บริเวณหน้าโรงพยาบาลโนนสะอาด ถนนมิตรภาพ (เขตติดต่อ ขอนแก่น-อุดร) อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี มอบ นายธวัชชัย ศรีทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, นายอำเภอโนนสะอาด นำทีมจัดตั้งศูนย์คัดกรองประชาชนผู้เดินทางมาจาก กทม. เพื่อกลับภูมิลำเนา มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี, ตำรวจ, ท้องถิ่นจังหวัด, ขนส่งจังหวัด, ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด, ประชาสัมพันธ์จังหวัด, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมปฏิบัติหน้าที่เปลี่ยนผลัด ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อเป็นการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางจาก กทม. และพื้นที่สุ่มเสี่ยงกลับภูมิลำเนาของตนเอง ด้วยการวัดอุณหภูมิภายในร่างกาย และจัดทำประวัติการเดินทาง ตามข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย หากพบผู้มีไข้ จะแยกออกมาทำการรักษาทันที ไม่ให้เดินทางเข้าชุมชน แพร่เชื้อได้