เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 เฟซบุ๊กคุณ Krisana Puangmanee เผยประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ชาย เข้าตรวจหาไวรัสโควิด-19 หลังพบว่าสถานบันเทิงที่พี่ชายไปทำงานช่วงดึกนั้น มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากเคสทองหล่อ มาเที่ยวที่ร้านนี้ ซึ่งปรากฏผลตรวจออกมาว่า ติดเชื้อโควิด-19 อาการก่อนหน้าตรวจไม่มีไข้ จนกระทั่งหลังจากเฝ้าระวัง พี่ชายไม่ได้กลิ่นอาหาร และมีอาการอื่นขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนเป็นหวัด 

นอกจากนี้คุณ Krisana Puangmanee ยังเล่าอีกว่า วิธีการรักษาของแพทย์แบ่งเป็น 3 ระดับด้วยกันตามอาการของผู้ป่วย และยาที่ใช้ในการรักษาผลข้างเคียงค่อนข้างแรง รวมถึงข้อสงสัยอื่นๆ ที่เกี่ยวกับคนรอบข้างผู้ป่วยจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ ดังข้อความด้านล่าง 

"จากความสับสน ‘กูติดยังวะ’ กันทั่วเมือง

ขอมาบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้นได้ตรวจ จนเข้ารับการรักษาถึงวันนี้ของ ‘พี่ชายเรา’ เผื่อคนจะได้เข้าใจอะไรๆ มากขึ้น

Q : ทำไมถึงไปตรวจ?

- พี่ชายเราทำงานในสถานบันเทิงควบคู่กับงานประจำช่วงกลางวัน วันที่ 14 มีนาคม ได้รับแจ้งจากสถานบันเทิงร้านหนึ่งให้ไปตรวจโควิดในวันที่ 15 มีนาคมทั้งหมด เหตุเพราะ 1 ใน 11 คนจากเคสทองหล่อให้ประวัติว่ามาที่ร้านนี้ด้วย

- พนักงานของร้านทุกตำแหน่งต้องตรวจหมด ตรวจที่สปคม. (ขอย่อ เพราะเขียนชื่อเต็มไปก็จำไม่ได้ ยาวเกิ๊น) ทั้งหมดตรวจฟรีเพราะเข้าเกณฑ์...มาถึงตรงนี้ใครยังไม่รู้ว่าเกณฑ์ตรวจฟรีคืออะไร ให้กดออกไป google ก่อนแล้วกลับมาอ่านต่อนะคะ //กำไม้เรียว

Q : อาการก่อนตรวจเป็นยังไง?

- พี่ชายเรา รวมถึงพนักงานคนอื่นๆ ไม่มีอาการใดๆ รวมถึงในวันที่ไปตรวจก็คัดกรองทั้งหมดแล้วว่าไม่มีไข้ (ส่วนอาการปัจจุบันจะกล่าวถึงในข้อต่อๆ ไป)

Q : ติดทั้งหมดกี่คน

- ผลออกมาติดเชื้อไวรัสทั้งหมด 18 คน จากพนักงาน 80 คน

Q : ผลออกมาว่าติดแล้วทำยังไงต่อไป?

- คราแรก เข้าใจกันว่าจะให้กักตัวอยู่บ้านเพราะอยู่ในกลุ่มไม่มีอาการ แต่สุดท้ายทางสปคม. ประสานให้ทุกคนที่ผลขึ้น positive ไปกักตัวอยู่ที่สถานพยาบาลแห่งหนึ่ง (ขอสงวนชื่อเพื่อให้ดูลึกลับ) เพื่อให้แพทย์ได้ทำการตรวจรักษาอย่างใกล้ชิด

Q : ต้องฉีดยาฆ่าเชื้อในบ้านไหม? ติดต่อยังไง?

- ข้อนี้ยอมรับว่าไม่รู้จริงๆ มีคนถามมาเรื่องฉีดยาแต่ก็ตอบไม่ได้ เพราะบ้านเราอยู่แยกชั้นกัน ทางสปคม.แจ้งว่าให้ปิดตายห้องพี่ชายไว้ เอาให้อบที่สุด เดี๋ยวเชื้อจะตายเองภายในไม่กี่วัน

Q : ตกลงติดจากใคร?

- จากการสันนิษฐานของเรา ตอบยากมากว่าทั้ง 18 คนติดจากคนเดียวกันไหม ติดยังไง ใครเอาไปติดใคร เพราะนี่ไม่คิดว่าจะติดจากคนเดียวกันเอามาแพร่ใส่กันแบบสนามมวย ไม่อาจทราบได้เลย มีทั้งกัปตัน ผจก.ร้าน ดีเจ เอ็มซี เด็กเสิร์ฟ เรียกว่าเปิดผับในโรงพยาบาลยังได้

ณ จุดนี้ติดจากใครก็ช่างมันเถอะ ป่วยการจะรู้

Q : ขั้นตอนการรักษาเขาทำยังไง?

- แบ่งผู้ป่วยออกเป็น 3 ระดับ เขียว เหลือง แดง

เขียว : สายชิล ไม่มีอาการหรือแทบไม่มี ไม่ต้องกินยา แค่ดูอาการ

เหลือง : สายชิลใจบาง ออกอาการ มีไข้หรือมีอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจ แต่ไม่หนักมาก Xray ปอดเจอการติดเชื้อ ต้องกินยา

แดง : อาการหนัก ส่งต่อสถาบันบำราศนราดูร

Q : พี่ชายเราอาการเป็นยังไงบ้าง?

- อาการเริ่มออกตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม คือไม่ได้กลิ่นอาหาร ((ใครที่ตามข่าวล่าสุดของวันนี้จะรู้แล้วว่านี่คือ Sign อย่างหนึ่งของการติดโควิด ใครยังไม่รู้ลองหาอ่านอัปเดตนะคะ)) ต่อมามีอาการอื่นๆ เล็กน้อย เหมือนเป็นไข้หวัด แต่ไม่ได้หนัก

- มีแพทย์มาตรวจ มีทีมดูแล ได้มีการ Xray พบว่าเชื้อลงปอด ก็ได้รักษาโดยการกินยา ซึ่งผลข้างเคียงของยาค่อนข้างแรง ท้องเสีย ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งไม่ได้อาการแย่เพราะโควิดหรอกนะ แย่เพราะยา 55555555 หาอ่านอาการเพิ่มเติมได้จากโพสต์ของลิเดียนะคะ เหมือนกันเป๊ะๆ

Q : ต้องอยู่รักษานานแค่ไหน?

- เท่าที่ทราบ ก็ต้องอยู่จนผลเป็น Negative แหละค่ะ คนที่อยู่โซนสีเขียวจะได้ออกไวกว่า ไปกักต่อที่บ้านเพราะต้องสำรองเตียงไว้ให้คนที่มีอาการ (พี่เล่ามาอีกทีนะ)

ข้อมูลเพิ่มเติม

- ทราบจากพี่แนนว่าตอนนี้รพ.ต่างๆ เลื่อนคิวผ่าตัดของเคสที่ไม่เร่งด่วนในช่วงเดือนนี้ เดือนหน้า และเดือนต่อๆ ไปแล้ว เพื่อสำรองเตียงสำหรับผู้ป่วยโควิด

Q : คนในครอบครัวต้องทำยังไง?

- สิ่งที่พวกเราบอกกันคือ อย่าเพิ่งวิ่งไปตรวจ เพราะมีโอกาสที่ผลลบลวงสูง ไว้มีอาการค่อยไปตรวจก็ยังไม่สาย สิ่งที่ควรทำคือกักตัว สังเกตอาการตัวเอง

....ตรวจตอนนี้ผลเป็นลบในวันที่ 3 ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าวันที่ 14 เราจะไม่เป็นบวก กักก่อน แม่บอกให้เธอกักก่อน!

Q : คนข้างบ้านจะติดไหม?

- เชื้อไม่กระโดด อย่าเพ้อเจ้อ

Q : เดินสวนกันจะติดไหม?

- กลับไปอ่านข้อข้างบน

Q : เราควรปฏิบัติตัวอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ ควรไปตรวจไหม?

- คนที่สัมผัสใกล้ชิด ในที่นี้คือสัมผัสจริงๆ ไม่ใช่สัมผัสทิพย์คือคนมีความเสี่ยงสูงสุด ถ้าสัมผัสจริงๆ ควรกลัว อันนี้อนุญาตให้แพนิคได้ แต่คนอื่นคือพักก่อน กักไว้อุ่นใจสุด

ไม่ได้อุ่นใจว่าแกไม่ติดนะ แต่อุ่นใจว่าแกจะไม่ไปเป็นคนแพร่(ที่ไม่ใช่จังหวัด)ใส่ใคร

เห็นข่าวไหมว่าน้ำยาตรวจมีจำกัด จะไปตรวจให้เป็นภาระเขาทำไม? รู้ช้าไป 7 วันผลมันก็ไม่ต่างกันถ้าเธอกักตัวเองไว้แต่แรก ถูกมั้ยดาหวัน

ขอนะคะ กักตัวเองเอาไว้ก่อน ถ้าเป็นจริง 14 วันรู้เรื่องค่ะ อาการออก บอกเลย

ถ้าคุณเสี่ยงจริงๆ กักครบ 14 วันแล้วไม่ออกอาการ อยากไปตรวจยืนยันก็ค่อยลองก็ได้

Q : แม่เราเป็นยังไงบ้าง?

- แม่สบายดีค่า //ไหว้ย่อ เราทำห้องแม่เป็นห้องปลอดเชื้อตั้งแต่แรก ห้ามใครเข้านอกจากเรา พี่ชายไม่ได้เข้าใกล้แม่เลยตั้งแต่แม่ทำคีโม เพราะงั้นสบายใจหายห่วง

แต่คุณหมอ Hemato กับคุณหมอโรคติดเชื้อไม่ชิลด้วย ขนหัวลุกกันหมด 

Q : เราเป็นยังไงบ้าง?

- เป็นกิดหนาที่อ้วนพี ดูแลแม่และคนในครอบครัวอยู่บ้าน น้ำหนักขึ้นรัวๆ ค่ะ ยังคงได้กลิ่นอาหาร และพบว่าอาหารทุกชนิดหอมมาก กินไม่หยุดเลยเตง

*****เพิ่มเติม*****

Q : เราจะใช้ชีวิตกันยังไงดี?
- ตระหนักแต่ไม่ตระหนกค่ะ หลีกเลี่ยงการออกไปที่ชุมชนโดยไม่จำเป็น เชื้อมันไม่มีเวลาไพรม์ไทม์ ยามไทม์นะคะ ไปห้างเสี่ยงเท่าไปผับ อย่ารวมตัวกับใครในที่สาธารณะเลย

- WFH ได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ระวังตัวให้มากที่สุด ล้างมือบ่อยๆ จับแมสแล้วไม่เอาไปจับอย่างอื่น จับอย่างอื่นก็ไม่จับแมส

- สุดท้ายนะคะอยู่บ้านกันเถอะ อยู่บ้านโอกาสติดเป็นศูนย์...087-998-5xxx ...พอ!

Q : มีใครติดจากพี่ชายเรามั้ย?

- ตอนนี้ไม่มีค่ะ เพื่อนที่มานอนบ้าน เพื่อนร่วมงานออฟฟิศที่ทำตอนกลางวัน ที่ไปตรวจทั้งหมดขึ้น Negative ที่เหลือกักตัวอยู่เช่นกัน

**อีกประเด็นที่สำคัญนะคะ**

เตียงของโรงพยาบาลไม่ได้มีไว้ให้เฉพาะผู้ป่วยโควิดเท่านั้น!!

ผู้ป่วยโรคอื่นๆ ที่จำเป็นกว่าโควิดก็ยังมี ประเด็นสำคัญคือการแยกผู้ป่วยออกไปอยู่โซนที่จะไม่ไปติดใครมากกว่า

อย่าดราม่าเรื่องเตียงไม่พอกันเลยเนอะ แม่เราต้องทำคีโมจนวันนี้ยังหาห้องเดี่ยวไม่ได้เลยเนี่ย

โรงพยาบาลรัฐเต็มเสมอ...ต่อให้ไม่มีโควิด

หลายๆ ที่เตรียมเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ป่วยไม่วิกฤติแล้ว แผนรับมือก็มีอยู่ ส่งกำลังใจให้ทีมผู้ดูแลผู้ป่วย และดูแลตัวเองเพื่อตัวเองกันนะคะ 

+++++++++++++++++

มีคำถามทิ้งไว้ในคอมเมนต์ได้นะคะ จะตอบแล้วเอาขึ้นมาไว้ในโพสต์ด้วยทีเดียว

เฮ้ออออ พิมพ์จนเหนื่อย ครอบครัวอะไรมงลงขนาดนี้ ทั้งโควิดทั้งมะเร็ง เยี่ยมไปเร้ยยยย 55555555555

อย่างไรก็ตาม คุณKrisana Puangmanee  เผยว่าข้อมูลเบื้องต้นเป็นการรวบรวมจากการคุยกับพี่ชาย และไลฟ์ชี้แจงสถานบันเทิง ประกอบกับตามข่าว ตนไม่ใช่แพทย์แต่อย่างใด