ผู้ว่าฯบึงกาฬ สั่งปิดร้านกลุ่มเสี่ยง กลับจากกทม. ต้องกักตัว 14 วัน ฝ่าฝืนดำเนินคดี
24 มี.ค. 2563, 18:36
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 24 มี.ค. 63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่าที่ จ.บึงกาฬ หลังจากผู้ว่าฯ ได้ออกประกาศมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2109 หรือโควิค-19 เพิ่มเติมฉบับที่ 3 เพื่อยกระดับมาตรการเข้มงวดสกัดการระบาดของเชื้อโควิด 19 บรรยากาศตามร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ร่วมไปถึงร้านตัดผม ฟิตเน็ต ต่างพากันเงียบเหงาและปิดร้านตามนโยบายของจังหวัด เพื่อร่วมกันหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค-19 ในส่วนของร้านอาหารหลายร้านเริ่มปรับตัวตามสถานการณ์ คือติดป้ายหน้าร้านจำหน่ายเฉพาะนำกลับไปกินที่บ้านเท่านั้น งดให้กินที่ร้าน เพื่อลดการแออัดและอาจแพร่เชื้อ
ส่วนสถานบันเทิง ร้านเหล้า กลุ่มเสี่ยง ได้ ประกาศให้ปิดบริการชั่วคราว ผู้ประกอบการร้านค้ารวมถึงห้างค้าปลีกรายใหญ่และห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ ซึ่งอยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยขอความร่วมมือให้งดการจำหน่ายสินค้าตามซุปเปอร์มาเก็ต หรือห้างสรรพสินค้า นอกจากจุดจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดและสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ เช่น ร้านขายยา ธนาคาร รวมถึงร้านค้า ร้านอาหาร จุดที่ขายอาหารให้นำกลับไปรับประทานที่บ้าน ตลาดให้เปิดเฉพาะการจำหน่ายอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงสำเร็จ ปิดร้านเสริมสวย แต่งผมตัดผมทุกประเภท คลินิกความงาม สปา อาบน้ำตัดขนสัตว์รับเลี้ยงสัตว์ไปจนถึงวันที่ 12 เมษายน 2563
นอกจากนี้ยังมีร้านสักผิวหนัง สระว่ายน้ำ สวนสนุก ศูนย์พระเครื่อง ร้านพระเครื่อง ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม ศูนย์เรียนรู้ชุมชน และสถานที่จัดนิทรรศการ สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ร้านนวดร้านสปาและตลาดนัด ตลาดคลองถมต่างๆ ปิดชั่วคราวจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง และต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น ทำความสะอาดภาชนะ อุปกรณ์ต่างๆ พื้นผิวสัมผัส ห้องสุขา รวมไปถึงจุดผ่อนปรนในพื้นที่อำเภอปากคาด และอำเภอบุ่งคล้า ให้ปิดชั่วคราวไม่มีกำหนด ส่วนด่านศุลกากรบึงกาฬ ให้เหลือไว้เพียงการขนส่งสินค้า ส่วนบุคคลเข้าออกงดการเดินทาง อนุโลมให้ชาว สปป.ลาว ข้ามกลับประเทศจนกว่าจะหมด เพื่อลดปัญหาการตกค้าง หากฝ่าฝืนพบการกระทำผิดดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
นายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่ายังไม่มีผู้ติดเชื้อโควิค-19 ขณะที่มาตรการรับมือผู้ที่กลับมาจากกรุงเทพฯ ในช่วง “ล็อคดาวน์” ต้องมารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ปกครอง กำนันผู้ใหญ่บ้าน และควบคุมตัวเองไว้ที่บ้าน 14 วัน ไม่มีข้อยกเว้น พร้อมให้ผู้ใหญ่บ้านประกาศเสียงตามสาย ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการสั่งการ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบว่า บ้านหลังไหนมีญาติกลับมาจาก กทม.ให้รีบแจ้งต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อสม.ในพื้นที่ของตนเองหลังจากแจ้งแล้วทาง อสม.และฝ่ายปกครอง จะเข้าไปวัดไข้และซักถามประวัติการเดินทางและประวัติการทำงานว่าอยู่ที่ กทม.ทำงานอะไรบ้าง ทำงานอยู่ตรงไหน เป็นอาชีพที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือไม่ เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะทำเป็นประวัติบันทึกเอาไว้ เพื่อตรวจสอบหากเกิดมีคนติดเชื้อโควิด-19 ผู้ใดฝ่าฝืนไม่เชื่อฟังจะใช้วิธีการตักเตือนก่อน ถ้ายังดื้อรั้นก็จะใช้ยาแรงดำเนินการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัดจะมีทั้งโทษจำและโทษปรับ