ฝนตกถนนลื่น รถพุ่งชนเสาไฟฟ้า มังคุด 1 ตัน กระจายเกลื่อน
30 มิ.ย. 2562, 12:08
วันที่ 30 มิถุนายน 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ตำรวจภูธรขลุง รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนเสาไฟฟ้า บนถนนสุขุมวิทขาเข้า บริเวณโค้งวัดตะปอนน้อย ต.ตะปอน อ.ขลุง จ.จันทบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นคนขับ จำนวน 1 ราย
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขลุง และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ชีพขลุงมูลนิธิ เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพบ รถกระบะ มาสด้า ไทรทัน สีขาว หมายเลขทะเบียน ฒถ 967กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้ายุบ ไฟส่องสว่างด้านหน้าแตก กระบะท้ายยุบป้ายทะเบียนด้านหน้าหลุดกระเด็น สภาพรถพุ่งชนเข้ากับเสาไฟฟ้าส่องสว่าง จนขาดสะบัน เสาไฟที่เป็นเหล็ก ตลอดจนโคมไฟ ถูกลากติดไปกับตัวรถก่อนหมุนไปชนป้ายจราจร ได้รับความเสียหายอีก 1 ป้าย ก่อนตกลงไปอยู่ในร่องน้ำกลางถนน สภาพด้านหน้าพังยับชิ้นส่วนอะไหล่ พร้อมตะกร้ามังคุดอีกเกือบ 1 ตัน กระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ ที่เกิดเหตุพบคนขับเป็นชาย อายุประมาณ 30 ปี เป็นชาวสงขลา ได้รับบาดเจ็บ ศีรษะกระแทกกับกระจกด้านหน้า เจ้าหน้าที่กู้ชีพขลุงมูลนิธิ นำส่งโรงพยาบาลขลุง เพื่อให้แพทย์ทำการรักษา
จากการตรวจสอบ ทราบว่า รถกระบะคันดังกล่าว บรรทุกมังคุดน้ำหนักเกือบ 1 ตัน มาจากสวนผลไม้ในพื้นที่ อ.ขลุง เพื่อไปส่งยังล้ง แห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นทางโค้งประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกลงมาตลอดทั้งคืน ทำให้ถนนลื่น รถที่วิ่งมาด้วยความรวดเร็วเกิดเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า จนรถยนต์ได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการ ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุ ก่อนแจ้งให้เจ้าของรถทราบ เนื่องจากมีทรัพย์สินของทางราชการได้รับความเสียหาย
จากการตรวจสอบด้านขวา ด้านที่นั่งคนขับ ถูกอัดติดอยู่กับต้นไม้ ภายในพบร่างผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชาย อายุประมาณ 30-40 ปี สภาพไม่รู้สึกตัว ไม่มีชีพจร เจ้าหน้าที่จึงช่วยซีพีอาร์ พร้อมอุปกรณ์ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งเครื่องตัดถ่าง นำเกลือ ถังอออกซิเจน
โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ กำลังทำซีพีอาร์ มีพลเมืองดี ท่านหนึ่ง อายุ ประมาณ 40-50 ปี ร่วมไห้การช่วยเหลือ ขณะที่ยืนช่วยเหลือ ทีมงานอยู่นั้น เกิดเป็นลมหน้ามืด ค่อยๆ ล้มหงายหลัง ศีรษะฟาดพื้นตาลอย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะให้การช่วยเหลือ จนอาการเป็นปรกติ
โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 30 นาที ผู้ได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต ในที่เกิดเหตุ เนื่องจากมีอาการสาหัส ศีรษะแตก เป็นแผลขนาดใหญ่ จากนั้นทั้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพขลุงมูลนิธิ กู้ภัยตำบลบ่อ ทั้งพลเมืองดี ได้ช่วยกันดึงรถออกจากที่เกิดเหตุ จึงสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากตัวรถได้ โดยใช้เวลานาน กว่า 1ชั่วโมง ก่อนนำร่างส่งรพ.
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สันนิฐานว่า คนขับๆรถยนต์คันดังกล่าว มาด้วยความเร็ว ท่ามกลายสายฝนที่โปรยปรายอยู่ตลอดเวลา จนเป็นเหตุให้รถยนต์ที่วิ่งมาด้วยความเร็ว เสียหลักพุ่งลงข้างทาง ชนต้นไม้ เข้าอย่างจัง ต้นแรกขาด จนถึงต้นที่สองเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ รถยนต์อัดเข้ากับต้นไม้ เข้าอย่างจัง จนเป็นเหตุให้คนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต ในเวลาต่อมา