ธปท.ออกมาตรการช่วยลูกหนี้ ที่ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และหนี้บัตรเครดิต
26 มี.ค. 2563, 12:35
วันนี้ (26 มี.ค.63) นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง ธปท.ได้ให้ความสำคัญกับการให้สถาบันการเงินดูแลและให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ จากการระบาดของโควิด-19 โดยมีการออกแนวทางปฏิบัติในช่วงปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน มี.ค. มีลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือแล้ว 30,000 ราย คิดเป็นวงเงิน 234,000 ล้านบาท และมีการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ทำให้วงเงินที่มีการช่วยเหลือไปเพิ่มขึ้นเป็น 310,000 ล้านบาท โดยสถาบันการเงินก็มีการเตรียมพร้อมมากขึ้น จำนวนลูกหนี้ที่ได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และช่วยเหลือทางด้านการเงินก็เพิ่มขึ้นเป็น 156,000 ราย
แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีการขยายวงกว้างมากขึ้น และส่งผลกระทบไปในหลายอุตสาหกรรม ธปท.ได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการหามาตรการออกมาช่วยเหลือด้านสินเชื่อ สำหรับลูกหนี้ที่ยังไม่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2563 เป็นต้นไป สำหรับมาตรการช่วยลูกหนี้ ประกอบด้วย
1.บัตรเครดิตและสินเชื่อเงินสดหมุนเวียน โดยลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำจาก 10% เหลือ 5% ในปี 2563-2564 และในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเป็น 8% และกลับสู่ 10% ในปี 2566 นอกจากนี้ ลูกหนี้สามารถเปลี่ยนแปลงหนี้เป็นสินเชื่อระยะยาวที่ดอกเบี้ยต่ำลงได้
2.สินเชื่อส่วนบุคคลที่ผ่อนชำระเป็นงวดและสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จะผ่อนผันการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน และผู้ให้บริการอื่นเลือกดำเนินการระหว่างเลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน หรือลดค่างวดอย่างน้อย 30% ของค่างวดเดิมเป็นเวลา 6 เดือน
3.สินเชื่อเช่าซื้อ ประเภทรถมอเตอร์ไซต์ วงเงินไม่เกิน 350,000 บาท และรถทุกประเภท วงเงินไม่เกิน 250,000 บาท โดยผู้ให้บริการเลือกดำเนินการระหว่าง เลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน หรือพักชำระเงินต้นเป็นเวลา 6 เดือน
4.ลีสซิ่ง มูลหนี้คงเหลือไม่เกิน 3 ล้านบาท ผู้ให้บริการเลือกดำเนินการระหว่าง เลื่อนการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือน หรือ พักชำระเงินต้นเป็นเวลา 6 เดือน
5.สินเชื่อบ้าน วงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท
6.สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี ไมโครไฟแนนซ์ นาโนไฟแนนซ์ วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท ให้พักชำระเงินต้น 3 เดือน และพิจารณาลดดอกเบี้ยให้ตามสถานการณ์ของแต่ละราย
นายวิรไท กล่าวต่อว่า มาตรการขั้นต่ำวันนี้จะช่วยลดภาระ และช่วยลดความกังวลของประชาชนที่จะต้องชำระค่างวดตั้งแต่เดือน เม.ย. 2563 เป็นต้นไป ซึ่งในส่วนของลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการขั้นต่ำครั้งนี้ รวมทั้งโครงการพิเศษที่แต่ละสถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบนี้ จะไม่มีผลต่อข้อมูลเครดิตของลูกหนี้ โดยลูกหนี้ยังคงมีสถานะปกติต่อเนื่อง นอกจากนี้ ลูกหนี้รายใดที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ และยังได้รับเงินเดือนอย่างต่อเนื่องหรือมีรายได้ประจำ ก็อยากแนะนำให้ควรจะชำระเงินตามเงื่อนไขปกติ ซึ่งสถาบันการเงินต่างๆ จะมีเงื่อนไขพิเศษให้ในช่วงนี้ เพื่อช่วยจูงใจให้ชำระเงินได้ตามปกติ โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการเหล่านี้จะลดภาระให้พี่น้องประชาชน และธุรกิจเอสเอ็มอีได้มากขึ้น ท่ามกลางภาวะวิกฤตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน