ตำรวจพะเยา จับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคา ยึดของกลางอื้อ
27 มี.ค. 2563, 16:54
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า วันศุกร์ ที่ 27 มีนาคม2563 ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดพะเยา เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดพะเยา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดพะเยา สนธิกำลังเข้าจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมเกินราคาที่กำหนด นอกจากนั้นยังเข้าตรวจยึด แหล่งกักตุนหน้ากากอนามัย โดยสามารถยึดของกลางได้ 34,250 ชิ้น นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา ดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายสินค้าควบคุมเกินราคาที่กำหนด และกักตุนสินค้าโดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.พะเยา ฝ่ายปกครองพะเยา และพาณิชย์จังหวัดพะเยา ต้องเข้าทำการตรวจยึดหน้ากากอนามัย รวมแล้วมากกว่า 34,250 ชิ้น หลังเจ้าหน้าที่มีการสืบทราบว่ามีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยดังกล่าว ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คโดยใช้ Facebook ในนาม Peemai Nitiporn ในการเสนอขายสินค้า หน้ากากอนามัย โดยเสนอขายราคา 10 ชิ้น 200 บาท (20 บาทต่อหนึ่งชิ้น) และ 1กล่อง จำนวน 50 ชิ้น ในราคา 890 บาท (17 บาทต่อหนึ่งชิ้น) และหากเสนอซื้อจำนวนสองกล่องผู้ขายก็จะลดราคาให้ในราคา 830 บาท (16 บาทต่อหนึ่งชิ้น) จึงได้ดำเนินการวางแผนจับกุมโดยใช้วิธีการอำพรางล่อซื้อโดยผู้ขายได้นัดหมายให้มาทำการซื้อสินค้ากันที่ร้านอนุรักษ์ออโตเซอร์วิสเลขที่ 20 ถนนรอบเวียงประตูชัยตำบลเวียงอำเภอเมืองจังหวัดพะเย าหลังจากนั้นผู้ขาย คือนาย อนุรักษ์หรือบาส ทองนิ่มอายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 20 ถนนรอบเวียงประตูชัย ตำบลเวียง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ซึ่งได้นำหน้ากากอนามัยมาส่งมอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้า และขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ ธนบัตรล่อซื้อ จำนวน 1,700 บาท พบอยู่ในกระเป๋าผ้าคาดเอวสีดำ ที่ นายอนุรักษ์ หรือบาสฯ ใส่อยู่ขณะถูกจับกุม
จากการสอบถาม นายอนุรักษ์ ให้การรับว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการจำหน่ายหน้ากากอนามัยไปก่อนหน้านั้นจริง และได้นำหน้ากากอนามัยที่สายลับล่อซื้อได้มาให้ นายอนุรักษ์ ดูแล้ว ให้การรับว่าเป็นหน้ากากอนามัยที่ตนเองได้จำหน่ายให้กับสายลับไปก่อนหน้านั้นจริง และตรวจค้นพบหน้ากากอนามัย ยี่ห้อ FAMAPRO จำนวน 2 กล่อง พบวางอยู่บนโต๊ะ และหน้ากากอนามัย ยี่ห้อ FAMAPRO จำนวน 13 กล่อง และหน้ากากอนามัย ยี่ห้อ ILT จำนวน 7 กล่อง พบอยู่ในห้องเก็บของด้านหลังร้านอนุรักษ์ ออโต้ เซอร์วิส จากการสอบถาม นายอนุรักษ์ ให้การรับว่าของกลางทั้งหมดตนเองได้รับมาจาก น.ส.นิติภรณ์ หรือใหม่ วงค์ฟู ซึ่งเป็นภรรยาของตน ต่อมาได้มี น.ส.นิติภรณ์ หรือใหม่ วงค์ฟู ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ กก.สส.ภ.จว.พะเยา และได้สอบถามแล้ว น.ส.นิติภรณ์ ยืนยันว่าตนเองได้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ " Peemai Nitiporn" ทำการติดต่อขายหน้ากากอนามัยในครั้งนี้จริง และตนเองเป็นผู้สั่งให้ นายอนุรักษ์ เป็นผู้ขายให้กับลูกค้าจริง จึงได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาให้ นายอนุรักษ์ และ น.ส.นิติภรณ์ ทราบ และได้ควบคุมตัว นายอนุรักษ์ และ น.ส.นิติภรณ์ พร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผล เข้าทำการตรวจค้น บริเวณบ้านของ นางณภาภัช หรือ กิ๊บ เดินแปง บ้านเลขที่ 101 ม.12 ต.บ้านต๊ำ อ.เมืองพะเยา จว.พะเยา ซึ่งทั้งสองผู้ต้องหายืนยันว่าได้ซื้อหน้ากากอนามัยมาจาก นางนภาภัทร ดังกล่าว โดยได้ติดต่อซื้อขายกันทางแอปพลิเคชันแมสเซนเจอร์เฟซบุ๊ก ในชื่อ "Kib Naphaphat" โดยซื้อขายกันในราคากล่องละ 750 บาท โดยครั้งสุดท้ายได้ซื้อมาจำนวน 50 กล่อง เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 โดยมีเหตุอันควรสงสัยว่าที่บ้านพักของ นางณภาภัช ที่บ้านพักเลขที่ 101 ม.12 ต.บ้านต๊ำ อ.เมืองพะเยา จว.พะเยา จะมีหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นสินค้าควบคุมซุกซ่อนอยู่ เจ้าพนักงานตำรวจชุด ชปส.ภ.จว.พะเยา พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จว.พะเยา เจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เมืองพะเยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จังหวัดพะเยา จึงได้ร่วมกันบูรณาการเพื่อตรวจค้นบ้านพักของ นางณภาภัช เพื่อตรวจสอบและค้นหาหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นสินค้าควบคุม จึงได้ร่วมการเดินทางไปเชิญตัว ไปที่บ้านพักของ นางณภาภัช เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้แจ้งความประสงค์ขอตรวจค้นให้ นางณภาภัช ทราบ และเป็นผู้นำการตรวจค้นในครั้งนี้ ผลการตรวจค้นพบ 1. หน้ากากอนามัย ยี่ห้อ SMP จำนวน 411 กล่อง (จำนวน 20,550 ชิ้น), 2. หน้ากากอนามัย ยี่ห้อ LIWORLDCO จำนวน 152 กล่อง (จำนวน 7,600 ชิ้น), 3. หน้ากากอนามัย ยี่ห้อ FAMAPRO จำนวน 122 กล่อง (จำนวน 6,100 ชิ้น) รวมของกลางทั้งหมด จำนวน 685 กล่อง จำนวนประมาณ 34,250 ชิ้น จึงได้ตรวจยึด โดย นางณภาภัช ได้ยินยอมให้ตรวจยึดแต่โดยดี และได้นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อไป